Acyclovir (อะไซโคลเวียร์) เป็นยาต้านไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคเริม (Herpes Simplex Virus: HSV) รักษาและบรรเทาอาการจากโรคงูสวัด (Herpes zoster) และอีสุกอีใส (Chicken pox) โดยเป็นยาที่ต้องใช้ภายในการควบคุมของแพทย์ และใช้ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เนื่องจากเป็นยาที่มีผลข้างเคียง
ยานี้ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1980 ตัวยามีอยู่หลายรูปแบบ เช่น ยาเม็ด ยาน้ำ ยาทา หรือยาฉีด
กลไกการออกฤทธิ์ของยา Acyclovir
ยา Acyclovir จะออกฤทธิ์ยับยั้งการแพร่พันธุ์ของเชื้อไวรัส ด้วยการรบกวนการสร้างและสังเคราะห์สารทางพันธุกรรม (DNA) ของเชื้อไวรัส ทำให้ไวรัสอ่อนกำลังลง และไม่สามารถก่อโรคได้
Acyclovir ใช้รักษาโรคอะไรบ้าง
- บรรเทาอาการ และลดระยะเวลาการเป็นแผลหรือตุ่มน้ำพองในผู้ป่วยโรคอีสุกอีใสและผู้ป่วยโรคงูสวัด
- ใช้รักษาเริมในบริเวณต่าง ๆ เช่น ผิวหนัง ตา จมูก ริมฝีปาก หรืออวัยวะเพศ ทั้งในผู้ป่วยที่เป็นครั้งแรก หรือผู้ที่เป็นซ้ำ
- ใช้รักษาโรคผิวหนังอักเสบที่เป็นผื่นแดง (Eczema herpeticum)
- ใช้รักษาผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) หรือโรคแฮรีลิวโคพลาเกีย (Hairy leukoplakia) เป็นรอยโรคสีขาว ๆ อาจพบได้ที่ลิ้น
ปัจจุบัน มีงานวิจัยชี้ว่า ประสิทธิภาพการรักษาของยา Acyclovir ลดลง เนื่องจากไวรัสพัฒนาสายพันธุ์ที่ดื้อยาขึ้น ซึ่งภาวะดื้อยาเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันดี และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
รูปแบบของยา Acyclovir
- ยาเม็ด สำหรับกิน มี 3 ขนาด คือ 200 400 และ 800 มิลลิกรัม
- ยาแคปซูลสำหรับกิน
- ยาครีม สำหรับทาภายนอก ประกอบด้วย Acyclovir ความเข้มข้น 5%
- ยาน้ำ
- ยาขี้ผึ้งป้ายตา ประกอบด้วย Acyclovir ความเข้มข้น 3%
- ยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ประกอบด้วย Acyclovir ความเข้มข้น 25 mg/ml
ปริมาณการใช้ยา Acyclovir
ยา Acyclovir ชนิดกิน
- รักษาโรคงูสวัด 800 มิลลิกรัม 5 ครั้ง/วัน เป็นเวลา 7–10 วัน
- รักษาโรคเริมที่อวัยวะเพศ 200–400 มิลลิกรัม 5 ครั้ง/วัน เป็นเวลา 7–10 วัน
- ป้องกันการกำเริบของโรคเริมที่อวัยวะเพศ 400 มิลลิกรัม ทุก 12 ชั่วโมง ติดต่อกันเป็นเวลา 12 เดือน
- โรคอีสุกอีใส สำหรับผู้ใหญ่ 800 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง หรือ 4 ครั้ง/วัน ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน
- โรคอีสุกอีใส สำหรับเด็ก 20 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ทุก 6 ชม. เป็นเวลา 5 วัน ขนาดสูงสุดไม่เกิน 800 มิลลิกรัม/ครั้ง
ยา Acyclovir ชนิดครีม สำหรับทาภายนอก
ใช้รักษาผิวหนังอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสเริม สำหรับผู้ใหญ่
ขนาดความเข้มข้น 5% ทาบริเวณที่ติดเชื้อวันละ 5–6 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 5–10 วัน
ยา Acyclovir ชนิดขี้ผึ้งป้ายตา
รักษาผิวหนังอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสเริม สำหรับผู้ใหญ่
ขนาดความเข้มข้น 3% ป้ายบริเวณเปลือกตาล่าง ด้านใน วันละ 5 ครั้ง ห่างกัน 4 ชั่วโมง ใช้ยาต่อเนื่องกัน 3 วัน
ถ้าหายดีแล้วไม่ควรใช้ต่อ เนื่องจากยาขี้ผึ้งสำหรับป้ายตาอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการมองเห็นได้ และไม่ควรขับขี่ยานพาหนะใด ๆ หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้เครื่องจักรหลังใช้ยา
คำเตือนในการใช้ยา Acyclovir
ข้อควรระวังที่ผู้ป่วยควรทราบก่อนใช้ยา Acyclovir มีดังนี้
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ยา Acyclovir หรือยาวาลาไซโคลเวียร์ (Valacyclovir) ไม่ควรใช้ยานี้
- ผู้ป่วยโรคไต หรือมีปัญหาเกี่ยวกับไต ควรแจ้งแพทย์ก่อนใช้ยาตัวนี้
- ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นผลจากโรค หรือการใช้ยาอื่น ๆ ควรแจ้งแพทย์ก่อนใช้ยานี้
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้งหากกำลังใช้ยา อาหารเสริม และสมุนไพรอื่น ๆ หรือวางแผนจะใช้ เพราะยาอาจทำปฏิกริยากันและก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
- ผู้ที่กำลังจะเข้ารับการผ่าตัดควรแจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ก่อนทุกครั้ง
- หากเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใส หรือวัคซีนป้องกันไวรัสอื่น ๆ ควรแจ้งบุคลากรทางการแพทย์ว่ากำลังใช้ Acyclovir ก่อนทุกครั้ง
- ยานี้สามารถใช้ได้ในสตรีมีครรภ์และผู้ให้นมบุตร แต่ควรแจ้งแพทย์ก่อนใช้ยาทุกครั้ง เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงบางอย่างได้ รวมถึงควรแจ้งแพทย์หากวางแผนจะตั้งครรภ์ในระหว่างการใช้ยาด้วยเช่นกัน
- ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติที่ระบบประสาท มีภาวะขาดออกซิเจน มีความผิดปกติของตับ หรือระดับเกลือแร่ในร่างกาย ควรระมัดระวังในการใช้ยานี้
ปฏิกิริยาระหว่างยา Acyclovir กับยาอื่น
ยา Acyclovir เป็นยาที่ส่งผลต่อการทำงานของไต การใช้ยานี้ร่วมกับยาบางชนิด เช่น ยากลุ่มเอ็นเสด (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs: NSAIDs) ยารักษาโรคมะเร็ง ยารักษาการติดเชื้อ ยาควบคุมความดันเลือด ยากดภูมิคุ้มกัน ยารักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้ ยารักษาข้ออักเสบ และยารักษาโรคกระดูกพรุน ซึ่งเป็นยาที่ส่งผลต่อการทำงานของไตเหมือนกันจึงอาจทำให้ไตมีปัญหามากขึ้นได้
นอกจากนี้ วิตามินอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์สมุนไพรก็อาจทำปฏิกริยากับ Acyclovir ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง หากกำลังใช้ยารักษา หรือรับประทานอาหารเสริมตัวใดอยู่ เพื่อป้องกันปฏิกริยาระหว่างยาและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Acyclovir
- โดยส่วนใหญ่แล้วผลข้างเคียงของยา Acyclovir ที่สามารถพบได้ คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว ผื่นคัน และหากเป็นยาชนิดฉีดก็อาจมีอาการบวมแดง และอักเสบบริเวณที่ฉีดยาได้ โดยหากอาการแย่ลงควรบอกแพทย์หรือเภสัชกร
- แต่หากมีผลข้างเคียงรุนแรง เช่น ผิวช้ำง่าย เกิดจุดเลือดสีแดงหรือสีม่วงใต้ผิวหนัง ปวดท้องรุนแรง หรือมีปัญหาเกี่ยวกับไต เช่น ปัสสาวะไม่ออก รู้สึกเจ็บเวลาปัสสาวะ หรือปัสสาวะขัด รู้สึกเหนื่อยง่าย หายใจถี่ มึนงง สับสน เห็นภาพหลอน ผิวเหลือง ควรรีบแจ้งแพทย์ในทันที
ทั้งนี้ ควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดหากมีอาการ เช่น มีปัญหาในการพูด มีความผิดปกติในการมองเห็นเฉียบพลัน ชัก หรือหมดสติ
**ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี อาจได้รับผลข้างเคียงจาก Acyclovir มากกว่าคนอื่น เนื่องจากมักมีปัญหาเรื่องไตกำจัดยาได้ไม่เท่ากับคนอายุน้อย จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาเสมอ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– เว็บhdmall
– เว็บpobpad
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM