บิสมัท ซับซาลิไซเลต (Bismuth subsalicylate) คือ ยาใช้รักษาโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย, อาการแสบร้อนกลางอก, อาหารไม่ย่อย, โดยเป็นยารับประทานทั้งชนิดเม็ดและยาน้ำแขวนตะกอน ตัวยาซาลิไซเลตจะช่วยยับยั้งการหลั่งสารน้ำ (เช่น กรดและเอนไซม์ต่างๆ) ในทางเดินอาหาร และลดการอักเสบของผนังกระเพาะอาหารและลำไส้ ส่วนบิสมัทจะออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหาร เช่น Helicobacter pylori (H. pylori) ซึ่งพบได้บ่อยระหว่างการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้ออื่นๆที่มักทำให้เกิดอาการท้องเสีย เช่น E.coli, Salmonella, Shigella, Clostridium difficile, Campylobactor jejuni รวมถึงแบคทีเรียประจำถิ่นที่ อาศัยอยู่ในลำไส้ของมนุษย์อีกด้วย
ข้อบ่งใช้
- รักษาอาการท้องเสีย เช่น อาการท้องเสียระหว่างการเดินทาง (โรคอาหารเป็นพิษ)
- รักษาภาวะกระเพาะอาหารอักเสบและแผลในกระเพาะอาหาร
- รักษาโรคติดเชื้อเอชไพโลไร (H.pylori) ในกระเพาะอาหาร
- รักษาภาวะ ท้องอืด, อาหารไม่ย่อย เนื่องจากมีกรดมาก
บิสมัท ซับซาลิไซเลตมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร
กลไกการออกฤทธิ์ของยาบิสมัท ซับซาลิไซเลตคือ ตัวยาจะยับยั้งการหลั่งสารน้ำในทาง เดินอาหาร นอกจากนี้ยังยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Urease Phospholipase และกระบวน การย่อยโปรตีนของแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในกระเพาะอาหารและลำไส้ของมนุษย์ จนส่งผลให้แบคทีเรียตายลง ยาบิสมัท ซับซาลิไซเลตยังสามารถเข้ารวมกับพิษของแบคทีเรียที่ชื่อ E. coli และทำให้ฤทธิ์ของสารพิษอ่อนลง
รูปแบบยาบิสมัท ซับซาลิไซเลต
- ยาเม็ดชนิดรับประทาน ขนาด 524 และ 1,048 มิลลิกรัม/เม็ด
- ยาน้ำแขวนตะกอนชนิดรับประทาน ขนาด 262 มิลลิกรัม/15 มิลลิลิตร
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Bismuth Subsalicylate
ยา Bismuth Subsalicylate อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง อาทิ บริเวณลิ้นเป็นสีดำ ท้องผูก และอุจจาระเป็นสีเข้มหรือสีดำ หากผู้ป่วยมีอาการแย่ลงหรือมีอาการเหล่านี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
อย่างไรก็ตาม ควรไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการต่อไปนี้
- มีอาการแพ้ยา โดยมักจะเกิดผื่น ลมพิษ มีอาการบวมที่ริมฝีปาก ลิ้น ใบหน้าและคอ หรือหายใจลำบาก
- ปวดหัว เวียนหัว
- อ่อนเพลีย ง่วงซึม
- หูอื้อ หรือสูญเสียการได้ยิน
- หิวน้ำมากผิดปกติ
- เหงื่อออกมาก
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง ตัวสั่น หรือไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย
- คลื่นไส้หรืออาเจียนอย่างต่อเนื่อง
- ท้องร่วงติดต่อกันนานกว่า 2 วัน
- อาการปวดท้องรุนแรงขึ้น
ขนาดรับประทาน
ยาบิสมัท ซับซาลิไซเลตมีขนาดรับประทานแตกต่างตามอาการของโรคและอายุผู้ป่วย ขนาดยาจึงขึ้นกับแพทย์ผู้รักษา ในที่นี้ขอยกตัวอย่างขนาดยาสำหรับบรรเทา/รักษาอาการท้อง เสีย เช่น
- ผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี: เช่น รับประทานยาน้ำแขวนตะกอนครั้งละ 30 มิลลิลิตร หรือยาเม็ดขนาด 524 มิลลิกรัม 1 เม็ดทุกๆ 30 นาที – 1 ชั่วโมง ขนาดสูงสุดของการรับประทานยาไม่เกิน 8 ครั้ง/วัน และควรรับประทานต่อเนื่องเป็นเวลา 2 วัน
- เด็กอายุ 3 – 6 ปี: เช่น รับประทานครั้งละ 87 มิลลิกรัมทุกๆ 30 นาที – 1 ชั่วโมงเท่าที่จำเป็น (As needed)
- เด็กอายุ 6 – 9 ปี: เช่น รับประทานครั้งละ 175 มิลลิกรัมทุกๆ 30 นาที – 1 ชั่วโมงเท่าที่จำเป็น
- เด็กอายุ 9 – 12 ปี: เช่น รับประทานครั้งละ 262 มิลลิกรัมทุกๆ 30 นาที – 1 ชั่วโมงเท่าที่จำเป็น
- เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี: ยังไม่มีการศึกษาที่แน่ชัดถึงประโยชน์และผลข้างเคียงของยานี้ในเด็กกลุ่มนี้ การใช้ยานี้ในเด็กกลุ่มนี้จึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
อนึ่งเมื่อรับประทานยานี้ ควรรับประทานน้ำตามเป็นปริมาณมากพอสมควร และสามารถรับ ประทานยานี้ก่อนหรือพร้อมอาหารก็ได้
หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ก่อนเสมอ
มีข้อควรระวังการใช้ยาบิสมัท ซับซาลิไซเลต
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้หรือแพ้ยากลุ่มซาลิไซเลตหรือยาแอสไพริน
- ห้ามใช้ยากับสตรีตั้งครรภ์
- ระวังการใช้ยานี้กับสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตรด้วยยังไม่มีข้อมูลทางการแพทย์เข้ามารองรับการใช้ยากับผู้ป่วยกลุ่มนี้อย่างแน่ชัด
- ระวังการใช้ยานี้กับ เด็ก ผู้สูงอายุ ด้วยเป็นกลุ่มที่อาจได้รับผลข้างเคียงจากยานี้ได้มาก
- เมื่อใช้ยานี้อาจเกิดภาวะลิ้นเป็นสีคล้ำหรืออุจจาระมีสีเทาดำ อาการเหล่านี้จะหายไปเองเมื่อหยุดใช้ยา
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคเกาต์ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่มีเลือดออกจากแผลในกระเพาะอาหาร ผู้ป่วยที่มีภาวะไตทำงานผิดปกติเนื่องจากได้รับสารซาลิไซเลตมากเกินไป
- ระวังการเกิดพิษกับเส้นประสาทจากบิสมัท ซับซาลิไซเลต
- การใช้ยานี้สามารถรบกวนผลการตรวจเอกซเรย์เพื่อตรวจความผิดปกติของกระเพาะอา หารและลำไส้
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
ควรเก็บยา
- เก็บยาภายใต้อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส (Celsius)
- ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
- เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อน และความชื้น
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– หาหมอ.com
– เว็บพบแพทย์
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM