ยา Celecoxib – ข้อมูล ข้อบ่งใช้ ผลข้างเคียง

Celecoxib (เซเลโคซิบ) คือ ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) มีกลไกออกฤทธิ์โดยยับยั้งการอักเสบและอาการปวดตามร่างกายที่มีสาเหตุมาจากโรคและภาวะต่าง ๆ เช่น อาการปวดประจำเดือน อาการปวดและบวมอาการปวดเฉียบพลัน โรคข้อเข่าเสื่อม โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นต้น ใช้ได้ทั้งในผู้ใหญ่และเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนการใช้ยา

ปริมาณการใช้ยา 

ยา Celecoxib ใช้ในการรักษาอาการหลายชนิด รับประทานได้ทั้งก่อนหรือหลังอาหาร ขนาดและปริมาณการใช้จะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับอายุ น้ำหนักตัว และอาการของผู้ป่วยแต่ละราย โดยมีตัวอย่างปริมาณการใช้ยาและรายละเอียดดังนี้

  • บรรเทาอาการปวด หรืออาการปวดประจำเดือน ผู้ใหญ่ ครั้งแรกรับประทานยาขนาด 400 มิลลิกรัม หากอาการไม่บรรเทา ให้รับประทานอีกครั้งขนาด 200 มิลลิกรัมในวันแรก หลังจากนั้นหากยังมีอาการ ให้รับประทานยาขนาด 200 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
  • โรคข้อเข่าเสื่อม ผู้ใหญ่ รับประทานยาขนาด 200 มิลลิกรัม วันละ 1-2 ครั้ง
  • โรคข้อสันหลังอักเสบชนิดแอนไคโลสซิ่ง (Ankylosing Spondylitis)
    ผู้ใหญ่ ครั้งแรกรับประทานยาขนาด 200 มิลลิกรัม วันละ 1-2 ครั้ง หลังใช้ยาไปแล้ว 6 สัปดาห์ เพิ่มขนาดยาได้สูงสุดไม่เกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน
  • โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • ผู้ใหญ่ รับประทานยาขนาด 100-200 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
  • เด็กที่มีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไปและมีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 25 กิโลกรัม ปกติจะรับประทานยาขนาด  50 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
  • เด็กที่มีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไปและมีน้ำหนักตัวมากกว่า 25 กิโลกรัม ปกติจะรับประทานยาขนาด 100 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง

คำเตือนในการใช้ยา Celecoxib

การใช้ยา Celecoxib ควรปรึกษาและแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบถึงเงื่อนไขของผู้ป่วยเกี่ยวกับประวัติการใช้ยา ประวัติทางการแพทย์ และประวัติการแพ้ยาก่อนการใช้ยาทุกครั้ง เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ได้ดังต่อไปนี้

  1. อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดในสมองอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในผู้ที่ใช้ยาต่อเนื่องเป็นเวลานาน ใช้ยาในปริมาณมาก หรือผู้ป่วยโรคหัวใจ แม้กระทั่งในผู้ที่ไม่มีความเสี่ยงหรือไม่ได้เป็นโรคหัวใจก็ตาม
  2. อาจทำให้มีเลือดออกในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก เกิดขึ้นได้โดยมีมีอาการหรือสัญญาณเตือนล่วงหน้า โดยเฉพาะในเด็กที่เคยมีแผลในกระเพาะอาหาร ผู้ที่มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่หรือ3.ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรง รวมถึงผู้ที่กำลังใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ หรือยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด
  3. อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกผิดปกติจากภาวะดีไอซี (Disseminated Intravascular Coagulation: DIC) ในการใช้ยาสำหรับรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
  4. ไม่ควรใช้ยาร่วมกับยาในกลุ่มเอ็นเสดชนิดอื่น ๆ เช่น แอสไพริน เป็นประจำ เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง หากจำเป็นต้องใช้ยาดังกล่าวร่วมกันควรปรึกษาแพทย์และปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด
  5. ไม่ควรใช้ยาในระหว่างการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนการคลอด เพราะอาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบหากเกิดการตั้งครรภ์ระหว่างการใช้ยา และผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร
  6. หากอยู่ในช่วงการใช้ยา ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบทุกครั้งก่อนทำการทดสอบทางการแพทย์และการผ่าตัดทุกชนิด

การใช้ยา Celecoxib

  • หากไม่สามารถกลืนแคปซูลได้ อาจใช้วิธีแกะแคปซูลเทยาใส่ช้อน ผสมกับน้ำเชื่อมแล้วรับประทาน พร้อมดื่มน้ำตาม 1 แก้ว ควรรับประทานยาทันทีหรือไม่ควรเกิน 6 ชั่วโมงหลังผสมยาหรือเทยาออกจากแคปซูล
  • หากลืมรับประทานทานยาตามเวลาที่แพทย์สั่ง เมื่อนึกขึ้นได้ รับประทานได้ทันที หากลืมรับประทานยาใกล้กับมื้ออาหารถัดไป ให้รับประทานยาในเวลาและขนาดตามปกติ ไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเพื่อทดแทนในมื้อที่ขาดหายไป
  • ควรเก็บยาไว้ในอุณหภูมิห้อง หรือประมาณ 25 องศาเซลเซียส ไม่ควรเก็บในที่ที่มีความร้อน ความชื้น ไม่ควรสัมผัสแสงโดยตรง ควรเก็บให้ไกลจากมือเด็ก และไม่ควรใช้ยาที่หมดอายุหรือยาที่เก็บไว้เป็นเวลานาน

ผลข้างเคียงของยา celecoxib

อาจเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง หรือท้องอืด มีแก๊สในกระเพาะอาหารเกิดขึ้นขณะใช้ยานี้ หากอาการเหล่านี้ไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลง ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที

โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์สั่งยานี้ให้กับคุณ เพราะว่าแพทย์ได้ประเมินแล้วว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากยานี้มากกว่าความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง ผู้ป่วยหลายรายที่ใช้ยานี้ไม่เกิดอาการข้างเคียงร้ายแรงจากยา

ยา celecoxib อาจส่งผลเพิ่มความดันโลหิตได้ ดังนั้นจึงต้องวัดความดันโลหิตเป็นประจำ และแจ้งแพทย์ทราบหากพบว่าความดันโลหิตสูงขึ้น

แจ้งแพทย์ทันทีถ้าคุณมีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรง ได้แก่ ปวดศีรษะรุนแรง, มีอาการปวด บวม ร้อน ที่บริเวณขาหนีบ/น่อง, มีอาการแสดงของไตมีปัญหา (เช่น การเปลี่ยนแปลงปริมาณปัสสาวะ) , กลืนลำบาก กลืนแล้วเจ็บ, มีอาการของหัวใจล้มเหลว (เช่น บวมที่ข้อเท้า บวมที่เท้า) , อ่อนเพลียผิดปกติ, น้ำหนักเพิ่มผิดปกติ น้ำหนักเพิ่มกะทันหัน

ยา celecoxib อาจทำให้เกิดโรคตับที่ร้ายแรงได้ ซึ่งอาจถึงแก่ชีวิต (แต่พบได้ไม่บ่อย) โดยให้ไปพบแพทย์ทันทีที่มีอาการของความเสียหายที่ตับ ได้แก่ ปัสสาวะมีสีเข้ม, คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร โดยไม่ดีขึ้น, ปวดท้องรุนแรง, ตัวเหลือง ตาเหลือง

ปฏิกิริยาการแพ้ยานี้ เป็นเรื่องที่พบได้น้อย อย่างไรก็ตามถ้าเกิดอาการใดๆ ของการแพ้ยาให้รีบไปพบแพทย์ทันที ได้แก่ มีไข้, ต่อมน้ำเหลืองบวม, ผื่น, คัน บวม (โดยเฉพาะที่หน้า ลิ้น คอ) , เวียนศีรษะรุนแรง, หายใจลำบาก

อาการข้างเคียงที่กล่าวไว้ข้างต้นไม่ใช่อาการข้างเคียงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นถ้าคุณมีอาการผิดปกติใดๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

การใช้ยา celecoxib ร่วมกับยาอื่น

การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา (drug interactions) อาจเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ของยาหรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง ข้อมูลที่ระบุนี้ไม่ได้ครอบคลุมการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมด ดังนั้นคุณต้องแจ้งแพทย์และเภสัชกรทราบทุกครั้งว่าคุณกำลังรับประทานยา อาหารเสริม สมุนไพร ใดอยู่ในขณะนี้ อย่าเริ่มยา หยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงขนาดยาต่างๆ เอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์

รายการยาที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา celecoxib ได้แก่:

  • Aliskiren
  • ยาในกลุ่ม ACE inhibitorsเช่นcaptopril, lisinopril
  • ยาในกลุ่ม angiotensin II receptor blockers เช่นvalsartan, losartan
  • Cidofovir
  • Lithium
  • Ketorolac
  • ยาขับปัสสาวะ เช่น furosemide, spironolactone, triamterene, amiloride
  • Cyclosporine, sirolimus, tacrolimus

ยา celecoxib อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกเมื่อรับประทานร่วมกับยาอื่นที่อาจทำให้เกิดเลือดออกเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ยาต้านเกร็ดเลือด (anti-platelet drugs) เช่น clopidogrel, ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น dabigatran, apixaban, edoxaban, rivaroxaban, enoxaparin, warfarin , heparins

คุณต้องอ่านฉลากยาทุกชนิดอย่างละเอียดก่อนใช้ยา เพราะยาแก้ปวด ลดไข้ หลายชนิดอาจมีส่วนประกอบของยา aspirin, ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ตัวอื่นๆ เช่น naproxen, ibuprofen ซึ่งเป็นยาที่คล้ายกับยา celecoxib และการใช้ร่วมกันอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าแพทย์สั่งให้คุณรับประทานยา aspirin ขนาดต่ำ เพื่อป้องกันโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด หรือป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง คุณควรรับประทานยา aspirin ต่อเนื่อง ยกเว้นแพทย์สั่งเป็นอย่างอื่น (โดยทั่วไป aspirin ขนาดต่ำจะอยู่ระหว่าง 81-325 มิลลิกรัมต่อวัน) ให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับข้อมูลเพิ่มเติม

บุคคลที่อยู่ในกลุ่มต่อไปนี้ ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบก่อนการใช้ยา

  1. ผู้ป่วยโรคหัวใจ
  2. ผู้ป่วยโรคหอบหืด
  3. ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
  4. ผู้ป่วยโรคตับ โรคไต หรือภาวะบวมน้ำ
  5. ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
  6. ผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง
  7. ผู้ที่มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่
  8. ผู้ที่เคยมีภาวะหัวใจวาย โรคหลอดเลือดในสมอง หรือลิ่มเลือด
  9. ผู้ที่เคยเป็นแผลในกระเพาะอาหารหรือมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร

ห้ามแบ่งยานี้ให้ผู้อื่นใช้ อาจต้องมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ/การตรวจทางการแพทย์เป็นระยะเพื่อติดตามอาการและผลข้างเคียงจากยา เช่น การตรวจความดันโลหิต การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด การตรวจการทำงานของตับ การทำงานของไต ปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

การรักษาอาการข้ออักเสบโดยไม่ใช้ยาที่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เช่น การลดน้ำหนัก (ถ้าจำเป็น) การออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (strengthening and conditioning exercises) อาจช่วยเพิ่มการยืดหยุ่น เพิ่มองศาในการเคลื่อนไหว และการทำงานของข้อ โปรดปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับคำแนะนำที่เหมาะสมกับคุณ


แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– HDMall
– เว็บพบแพทย์
– เอกสารกำกับยา
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM

แชร์

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

No results found.

ยังไม่มีบัญชี