รู้จัก โรคข้าวผัด อาหารเป็นพิษจากเชื้อแบคทีเรีย อันตรายกว่าที่คิด 

โรคข้าวผัด หรือที่เรียกกันว่า “Fried Rice Syndrome” เป็นภาวะอาหารเป็นพิษจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อBacillus cereu (บาซิลลัส ซีเรียส) ที่อยู่ในอาหารกินเหลือแล้วเก็บรักษาผิดวิธี พบบ่อยในอาหารกลุ่มแป้ง (ข้าว, พาสต้า) มันมีสารพิษที่ทนต่อความร้อน การเวฟไม่สามารถจะทำลายสารพิษได้ พอเราทานเข้าไป เราก็ได้รับสารพิษ ทำให้เกิดอาการ อาหารเป็นพิษ ถึงขั้นเสียชีวิตได้

นพ.สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า โรคข้าวผัด มีสาเหตุหลักจากเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซีเรียส ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่พบในดินที่ก่อโรคชนิดหนึ่ง เจริญเติบโตได้ดีทั้งในสภาพมีและไม่มีอากาศส่วนใหญ่การปนเปื้อนมักเกิดจาก “สปอร์” ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอาหารเป็นพิษ สามารถพบได้ในผักและเนื้อสัตว์ปรุงสุกที่เก็บรักษาไม่ถูกวิธี หากรับประทานอาหารที่มีเชื้อโรคชนิดนี้จำนวนมากจะทำให้เกิดอาการท้องเสียและอาเจียน 

พฤติกรรมการบริโภคที่ชอบซื้ออาหารปรุงสุก มาตั้งไว้ในอุณหภูมิห้องเป็นระยะเวลานาน ๆ หรือ มากกว่า 2 ชั่วโมงขึ้นไป ไม่รับประทานทันที ก็มีโอกาสเสี่ยงจะเกิดภาวะอาหารเป็นพิษ จากเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซีเรียส (Bacillus Cereus) ที่จะปล่อยสารพิษออกมาในขณะที่อุณหภูมิของอาหารเริ่มเย็นลง รับประทานเข้าไปจะทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และปวดท้อง

อาหารที่พบได้บ่อย ๆ เช่น ข้าวผัด เป็นภัยเงียบจากเชื้อ บาซิลลัส ซีเรียส (Bacillus Cereus) ดังกล่าวมากเป็นพิเศษ จนมีการตั้งชื่อภาวะโรคนี้ว่า โรคข้าวผัด (Fried Rice Syndrome) ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่แค่เมนูข้าวผัด ยังมีเมนูอาหารอื่น ๆ ที่ทำมาจากแป้งแปรรูปประเภทต่าง ๆ อาทิ เส้นพาสต้า เส้นก๋วยเตี๋ยว รวมทั้งเมนูมันบดก็ด้วย ซึ่งในอดีตก็มีรายงานในต่างประเทศว่ามีผู้เสียชีวิต เพราะรับประทานอาหารประเภทพาสต้าที่ทำทิ้งค้างไว้ 5 วัน

ถ้าการปรุงอาหารไม่ดี อาหารไม่สุก เพราะความร้อนไม่ทั่วถึง อีกทั้งขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบที่ไม่ถูกสุขอนามัย รวมทั้งยังเจอการเก็บรักษาที่ไม่ดีหลังปรุงสุก เชื้อแบคทีเรียก็พร้อมจะแพร่ขยาย ซึ่งวิธีหลีกเลี่ยงที่ดี ควรจะรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ทันที

ผศ.(พิเศษ) นพ.พจน์ อินทลาภาพร หัวหน้างานโรคติดเชื้อ กลุ่มงานอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเพิ่มเติมว่า  เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซีเรียส (Bacillus Cereus) สามารถแบ่งได้ 2 ชนิด คือ

  • ชนิดที่ทําให้ท้องร่วง (diarrhea toxin) ผู้ที่ได้รับเชื้อจะมีอาการท้องร่วง คลื่นไส้ ปวดท้อง และท้องร่วงเป็นน้ำ ระหว่าง 8 ถึง 16 ชั่วโมงหลังจากรับประทาน โดยเกี่ยวข้องกับลําไส้เล็กส่วนล่าง
  • ชนิดที่ทําให้อาเจียน (emetic toxin) อาการของพิษจะมีอาการร้ายแรงและเฉียบพลัน ผู้ที่ได้รับเชื้อจะมีอาการคลื่นไส้ และอาเจียน ภายใน 1 ถึง 6 ชั่วโมงหลังรับประทาน โดยเกี่ยวข้องกับลําไส้เล็กส่วนบนเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดี โรคที่เกิดจากเชื้อชนิดนี้ไม่สามารถติดต่อกันได้

ภาวะอาหารเป็นพิษจากเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซีเรียส (Bacillus Cereus) ไม่ใช่กรณีที่พบได้บ่อยที่สุดของโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร แต่อาการป่วยจากการติดเชื้อ อี.โคไล, ซัลโมเนลลา และแคมไพโลแบคเตอร์ อาจพบได้บ่อยกว่า รวมถึงอาการป่วยจากสาเหตุของไวรัสในกระเพาะ เช่น โนโรไวรัส ก็พบได้บ่อยเช่นกัน ทั้งนี้ ผู้บริโภคควรปลอดภัยไว้ก่อน หากอยากเก็บอาหารปรุงสุกที่เหลือไว้รับประทานต่อควรจัดเก็บในวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสม

การเก็บรักษาอาหารให้เหมาะสมเพื่อป้องกันโรคข้าวผัด (Fried Rice Syndrome)

  • อาหารปรุงสุกที่รับประทานเหลือและอยากเก็บไว้รับประทานต่อ ต้องเก็บรักษาในตู้เย็นทันที
  • หากเผลอวางอาหารไว้ในอุณหภูมิห้อง นานกว่า 2 ชั่วโมงขึ้นไป ควรอุ่นอาหารร้อนอีกครั้ง จากนั้นค่อยนำไปเก็บในตู้เย็น
  • อาหารปรุงสุกที่อยากเก็บบางส่วนไว้รับประทานในวันต่อๆ ไป ให้แบ่งส่วนนั้นเก็บแช่เย็นทันที โดยไม่ต้องรอให้เย็นสนิท
  • ปฏิบัติตามกฎ “2 ชม./4 ชม.” คือ หากอาหารวางอยู่นอกตู้เย็นนาน 1-2 ชั่วโมง สามารถใส่กลับคืนในตู้เย็นได้อย่างปลอดภัย แต่หากปล่อยไว้นานเกิน 4 ชั่วโมงขึ้นไปไม่ควรเก็บใส่ตู้เย็นและไม่ควรรับประทาน
  • หากทำได้ให้แบ่งอาหารปริมาณมากออกเป็นส่วนเล็กๆ เพื่อที่ความเย็นจะได้เข้าถึงอาหารได้เร็วขึ้น อีกทั้งเมื่อจะนำมาออกมารับประทานมื้อถัดไป ก็จะช่วยให้คลายความเย็นได้เร็วขึ้นเช่นกัน


แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– โรงพยาบาลจุฬารัตน์9 แอร์พอร์ต
– web pptvhd36.com

เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM

แชร์

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

No results found.

ยังไม่มีบัญชี