โรคเบาหวาน เป็นโรคที่มีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เกิดเนื่องจากมีอินซูลินน้อย หรือร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน ทำให้ไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้ตามปกติ มีอาการปัสสาวะบ่อย หิวน้ำบ่อย น้ำหนักลด ผลในระยะยาวทำให้เกิดโรคเบาหวานข้นตา เบาหวานลงไต โรคหัวใจและหลอดเลือดตีบแข็งและอื่นๆ
จุดมุ่งหมายในการควบคุมอาหาร
- เพื่อควบคุมระดับน้ำตาล ไขมันในเลือด และความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ หรือใกล้เคียงในระดับปกติมากที่สุด
- ได้รับสารอาหารและพลังงานเพียงพอแต่ไม่เกินความต้องการของร่างกาย
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- ป้องกันหรือชะลอการเกิดโรคแทรกซ้อนของเบาหวาน
- มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถประกอบอาชีพในสังคมได้ตามปกติ
ประเภทอาหารที่เหมาะสำหรับคนเป็นเบาหวาน
อาหารที่คนเป็นโรคเบาหวานควรเลือกกิน คือ อาหารที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำ มีไฟเบอร์หรือใยอาหารในปริมาณสูง รวมถึงอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น
- อาหารประเภทต้ม นึ่ง หรือแกงที่ไม่ใส่กะทิ เช่น แกงส้ม แกงจืด แกงเลียง แกงป่า
- อาหารประเภทยำหรือสลัด
- อาหารประเภทน้ำพริกที่ไม่มัน และไม่หวานจนเกินไป
- ผลไม้ที่มีดัชนี้น้ำตาลต่ำ เช่น ฝรั่ง แก้วมังกร แอปเปิล เป็นต้น
ส่วนอาหารที่คนเป็นเบาหวาน ควรหลีกเลี่ยง คือ อาหารที่มีไขมันสูง รสหวานจัดหรือเค็มจัด เช่น ขนมหวานที่ใส่กะทิ เบเกอรี แกงกะทิ น้ำอัดลม อาหารทอดต่างๆ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานและคงระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเกินไป รวมถึงช่วยชะลอการเกิดโรคแทรกซ้อนในอนาคต
4 สารอาหารสำคัญสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน
สำหรับคนที่เป็นเบาหวาน นอกจากหลักในการปฏิบัติตัว เช่น อาหารที่เหมาะกับโรค การพักผ่อนอย่างเพียงพอ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอที่ต้องทำอย่างเคร่งครัดแล้ว ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำให้ผู้ที่เป็นเบาหวานเสริมสารอาหารในแต่ละมื้อด้วย
1. แอลฟ่า ไลโปอิก แอซิด (Alpha Lipoic Acid)
กรดอัลฟ่า ไลโปอิด แอซิด (Alpha Lipoic Acid) ถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระครอบจักรวาลที่ออกฤทธิ์ได้ทั่วร่างกาย (Universal antioxidant) สามารถละลายได้ทั้งไขมันและน้ำ มีผลวิจัยจากการศึกษาในต่างประเทศพบว่า กรดแอลฟ่า ไลโปอิก แอซิด (Alpha Lipoic Acid) มีประโยชน์สามารถที่จะป้องกันโรคแทรกซ้อนจากการเป็นโรคเบาหวานได้ เช่น อาการชาตามปลายมือปลายเท้า ในอาหารธรรมชาติสามารถพบกรดชนิดนี้ได้ใน บรอกโคลี ผักปวยเล้ง มันฝรั่ง มะเขือเทศ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และน้ำมันรำข้าว เป็นต้น เนื่องจากเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีจึงมีสรรพคุณในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยจะไปเพิ่มความไวของอินซูลิน และลดอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้โดยตรง นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัยว่ามีส่วนช่วยลดอาการปลายประสาทอักเสบในผู้ป่วยเบาหวานได้อีกด้วย
2. วิตามินบี 1, 6 และ 12
เนื่องจากอาการชาบริเวณปลายมือปลายเท้าจากปลายประสาทอักเสบ ถือเป็นโรคแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยมากในคนที่เป็นเบาหวาน ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากร่างกายมีอนุมูลอิสระมากเกินไป ทำให้เยื้อหุ้มประสาทถูกทำลาย และร่างกายขาดวิตามินบี 1, 6 และ 12 ที่เป็นสารตั้งต้นในการสร้างสัญญาณสื่อประสาท ดังนั้นวิตามินบี 1, 6 และ 12 จึงเป็นวิตามินที่สามารถรักษาอาการชาดังกล่าวได้ รวมถึงช่วยให้สามารถรักษาอาการชาจากปลายประสาทอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม หากเลือกเสริมอาหารควรเลือกวิตามินบี 12 ที่เป็นรูปแบบเมทิลโคบาลามินในปริมาณสูง (500 ไมโครกรัม) ควบคู่กับการรักษาอาการชาที่ต้นเหตุด้วยการรับสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณสูง
3. เคอร์คูมินอยด์ (Curcuminoid)
ขมิ้นชัน สมุนไพรมากประโยชน์ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี มีสารสำคัญ คือ เคอร์คูมินอยด์ (Curcuminoid) ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น ช่วยรักษาแผลในระบบทางเดินอาหาร ช่วยลดการอักเสบตามข้อ และป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ โดยมีผลการวิจัยว่าสารสกัดจากขมิ้นชันมีส่วนช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในตับอ่อนที่ทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน ทำให้ระบบการทำงานของอินซูลินในร่างกายดีขึ้น สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น และทำให้ระดับน้ำตาลสะสมของผู้ที่เป็นเบาหวานลดลง ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบันได้มีนวัตกรรมในการผลิตสารเคอร์คูมินอยด์ในรูปแบบของไฟโตโซมที่ช่วยให้การละลายและการดูดซึมสารเคอร์คูมินอยด์ดีมากขึ้น โดยทำในรูปแบบไฟโตโซมซึ่งทำให้สารเคอร์คูมินอยด์ออกฤทธิ์ได้ดีกว่าสารสกัดแบบธรรมดาทำให้ได้ประสิทธิภาพของเคอร์คูมินอยด์ได้อย่างเต็มที่
4. เวย์โปรตีนสำหรับคนเป็นเบาหวาน
การควบคุมอาหารและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ของคนที่เป็นโรคเบาหวาน ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำการเสริมอาหารด้วยเวย์โปรตีนเป็นส่วนประกอบหลักโดยเวย์โปรตีนคุณภาพดี (Whey Protein Concentrate) ดูดซึมง่าย ไม่ทำให้ท้องอืด มีไขมันและน้ำตาลต่ำ เพื่อช่วยส่งเสริมการหลั่งอินซูลินซึ่งมีส่วนในการช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด
นอกจากนี้ การเลือกเวย์โปรตีนที่ผลิตขึ้นมาเป็นอาหารสูตรครบถ้วน ที่มีการเพิ่มโปรไบโอติกและพรีไบโอติกเข้าไปในสูตร จะสามารถช่วยกระตุ้นระบบการขับถ่ายให้สมดุลและเป็นการเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ได้ตามธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งการเพิ่มกากใยอาหารหรือพรีไบโอติกในอาหารที่ใช้ทดแทนมื้ออาหารถือว่าเป็นการดูแลลำไส้ใหญ่ได้ดีเช่นเดียวกับการมีโปรไบโอติกในปริมาณสูง เพราะจุลินทรีย์ที่ดีเหล่านี้จะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ง่ายของผู้ป่วยโรคเบาหวานและสำหรับทุกคน เสริมภูมิต้านทานและให้ประโยชน์ในการปรับสมดุลทางเดินอาหารให้ดีกว่าการไม่กินโปรไบโอติก

แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– โรงพยาบาลนครธน
– megawecare.co.th
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM