ลำไส้สำคัญกว่าที่คิด ระบบไมโครไบโอมในลำไส้ ส่งผลต่อผิว
ไมโครไบโอม (Microbiome) คือ จุลินทรีย์ธรรมชาติที่อยู่ในร่างกายมนุษย์ อยู่กับเรามาตั้งแต่เราเกิด แล้วค่อย ๆ ลดลงและเสียสมดุลไปตามกาลเวลาและพฤติกรรมการใช้ชีวิต
- จุลินทรีย์ที่อาศัยในร่างกายมนุษย์ มีมากกว่า 10000 สายพันธุ์
- จุลินทรีย์มากกว่า 95% อาศัยอยู่ในลำไส้
- จุลินทรีย์มีมากกว่ายีนมนุษย์ถึง 10 เท่า
- จุลินทรีย์ของแต่ละคนแตกต่างกัน และแตกต่างกันไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน แสดงความสัมพันธ์ของ ไมโครไบโอม ในลำไส้ที่เสียสมดุลกับการเกิดโรค ทั้งการเจ็บป่วยทางร่างกายและจิตใจ
- จุลินทรีย์ในลำไส้กับโรคที่ไม่ปรากฏเด่นชัด เช่น การอาการผิวหนังอักเสบ สะเก็ดเงิน ท้องผูก ท้องเสีย น้ำหนักเกิน เบาหวาน ความดัน โรค NCDs
- จุลินทรีย์ในลำไส้ กับมะเร็ง เกี่ยวโยงกับมะเร็งไทรอยด์ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้
- จุลินทรีย์ในลำไส้กับโรคติดเชื้อ เนื่องจาก 70% ของเซลล์ภูมิคุ้มกันเป็นไมโครไบโอมในลำไส้
- จุลินทรีย์ในลำไส้กับสุขภาพจิต ลำไส้ส่งผลต่ออารมณ์ผ่านทางระบบต่อมไร้ท่อ ระบบประสาท และภูมิคุ้มกัน รวมไปถึงโรคทางสมอง เช่น ออทิสติก ความจำเสื่อม นอนไม่หลับ ซึมเศร้า
ว่ากันว่า “สุขภาพดี เริ่มต้นที่จุลินทรีย์สมดุล” เพราะจุลินทรีย์ในลำไส้สัมพันธ์กับการเผาผลาญและยีน
จุลินทรีย์ในลำไส้แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
- จุลินทรีย์ตัวหลัก Core bacteria : ส่วนใหญ่จะมีคุณสมบัติเป็นกลาง คือ หากจุลินทรีย์ส่วนใหญ่เป็นชนิดดี จุลินทรีย์เหล่านี้จะก่อประโยชน์กับร่างกาย หากจุลินทรีย์ไม่ดีมากเกินไป จุลินทรีย์หลักเหล่านี้จะก่อโทษ
- จุลินทรีย์ชนิดที่ไม่ดี หรือ Harmful bacteria : ก่อให้เกิดการเจ็บป่วย
- จุลินทรีย์ชนิดดี หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อ Probiotics : ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง
ว่ากันว่า “สุขภาพดี เริ่มต้นที่จุลินทรีย์สมดุล” เพราะจุลินทรีย์ในลำไส้สัมพันธ์กับการเผาผลาญและยีน
จุลินทรีย์ในลำไส้แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
- จุลินทรีย์ตัวหลัก Core bacteria : ส่วนใหญ่จะมีคุณสมบัติเป็นกลาง คือ หากจุลินทรีย์ส่วนใหญ่เป็นชนิดดี จุลินทรีย์เหล่านี้จะก่อประโยชน์กับร่างกาย หากจุลินทรีย์ไม่ดีมากเกินไป จุลินทรีย์หลักเหล่านี้จะก่อโทษ
- จุลินทรีย์ชนิดที่ไม่ดี หรือ Harmful bacteria : ก่อให้เกิดการเจ็บป่วย
- จุลินทรีย์ชนิดดี หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อ Probiotics : ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง
จุลินทรีย์ในลำไส้ประกอบด้วยจุลินทรีย์หลัก มากถึง 50-70% ของจุลินทรีย์ทั้งหมด จุลินทรีย์หลักส่งผลได้ทั้งผลดีและร้ายกับสุขภาพ ช่วงสำคัญที่สุดในการสร้างรากฐานจุลินทรีย์ให้สมดุลคือช่วงอายุ 0-3 ปี ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มนมแม่ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ทำยังไงให้ลำไส้เราดี
- เคี้ยวอาหารมากกว่า 20 ครั้ง/คำ
- ถ้ากินอาหารเยอะ ให้ใช้เอนไซม์ช่วยย่อย
- ทานอาหารพวกทีมีพรีไบโอติก เช่น ผักใบเขียว ข้าวบาร์เล่ย์ เมล็ดธัญพืช เบอร์รี่ และกล้วย
- ทานอาหรจำพวกที่มีโพรไบโอติก (จุลินทรีย์ดี) เช่น กะหล่ำปลีดอง กิมจิ Kifir มิโสะ และชีสเหม็นๆ
- ตัดอาหารที่ก่อให้เกิดปัญหา พวกกลูเตน และผลิตภัณฑ์ที่มาจากนม
ยาที่มีผลกับลำไส้
- หยุดกินยาฆ่าเชื้อพร่ำเพรื่อ
- ปรึกษาแพทย์เพื่อลดระยะเวลากินยา PPI (ยาลดกรด)
ก่อนกินโพรไบโอติกควรทำอย่างไร
กินกลุ่มธรรมชาติต้านเชื้อในลำไส้ก่อน เช่น wasabi (วาซาบิ) หรือ Curcumin จากขมิ้นชัน
การเลือกอาหารเสริมโพรไบโอติก
- เลือกแบบแคปซูลที่กันกรดในกระเพาะ แล้วให้ไปแตกตัวที่ลำไส้
- แบ่งเป็น Unit แยกๆกันจะยิ่งดี
- เลี่ยง แบบเจลลี่เพราะตอนผลิตผ่านความร้อน ทำให้โพรไบโอติกตายได้
- กินสลับๆไปเรื่อยๆ ได้หลากหลายสายพันธ์ดีที่สุด
- ขั้นต่ำต้องมีเชื้อ 100 ล้าน CFU
- ดูความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์นั้นๆ
- ควรเก็บในตู้เย็น เวลาเปิดแล้วต้องทานเลย ห้ามวางทิ้งไว้
ใครห้ามกินโพรไบโอติก
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ที่เป็นโรคตับอ่อนอักเสบ
- ผู้ที่กำลังผ่าตัดใหญ่
- ผู้ป่วยวิกฤติ
- ผู้ป่วยติดเตียง
- ผู้ป่วยใส่ท่อ
- ถ้าตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– DONUT BEAUTY BRAINS
– healthlabclinic.com
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM