ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เป็นยาในกลุ่มต้านอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Nonsteroidal Anti-Inflammatory Drugs: NSAIDs) มีสรรพคุณลดไข้ ลดอาการอักเสบ ลดปวดในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง สามารถใช้ลดไข้ แก้ปวดประจำเดือน ปวดไมเกรน หรือบรรเทาอาการปวดจากข้ออักเสบ และอาการปวดเมื่อยเนื้อตัวจากการออกกำลังกายได้ เพราะยาไอบูโพรเฟนจะไปยับยั้งการสร้างสารพรอสตาแกลนดิน (prostaglandins) ที่ทำให้เกิดอาการปวดและอักเสบ ทั้งนี้ปริมาณที่แนะนำคือ 400 มิลลิกรัมต่อครั้ง และไม่ควรเกิน 2,400 มิลลิกรัมต่อวัน
รูปแบบของยา
- ยาเม็ด
- ยาน้ำ
- ยาทา
- และยาพ่น
คำเตือนการใช้ยาไอบูโพรเฟน
- การใช้ยาไอบูโพรเฟนในปริมาณสูงติดต่อกันเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจวายได้ ผู้ป่วยโรคหัวใจควรหลีกเลี่ยงยาประเภทนี้
- อาจก่อให้เกิดภาวะเลือดออกในช่องท้องและลำไส้ได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยสูงอายุ การใช้ยาดังกล่าวโดยไม่ระมัดระวังอาจทำให้เสียชีวิตได้
- อาจส่งผลเสียต่อลำไส้และกระเพาะอาหาร ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาขณะท้องว่าง
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาไอบูโพรเฟนหากมีอาการแพ้ยา หรือเคยมีอาการหอบหืดเฉียบพลันหลังจากใช้ยาในกลุ่ม NSAIDs และแอสไพริน
- สตรีมีครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา หรือหลีกเลี่ยงการใช้ยาดังกล่าวได้เป็นดีที่สุด โดยเฉพาะขณะมีอายุครรภ์เข้าสู่ไตรมาสที่ 3 (7-9 เดือน)
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคลิ่มเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน คอเลสเตอรอลสูง โรคตับ โรคไต หรือโรคหอบหืดควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
- ผู้ที่เคยมีประวัติเลือดออกในกระเพาะอาหารควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
- ห้ามใช้ยาไอบูโพรเฟนกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปีโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
ปริมาณการใช้ยาไอบูโพรเฟน
ยารับประทาน
รักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ : เด็ก 30-40 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน แบ่งให้ 3-4 ครั้ง ไม่เกินวันละ 2,400 มิลลิกรัม
ผู้ใหญ่ 400-800 มิลลิกรัม วันละ 3-4 ครั้ง ไม่เกินวันละ 2,400 มิลลิกรัม
ลดไข้ ลดปวด :
- เด็กอายุ 6 เดือน-2 ปี ใช้ 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน ทุก ๆ 6-8 ชั่วโมง ไม่เกินครั้งละ 40 มิลลิกรัม
- เด็กอายุ 2 -11 ปี ใช้ 5-10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ทุก ๆ 6-8 ชั่วโมง ไม่เกินวันละ 40 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน หรือ 4 ครั้งต่อวัน
- ผู้ใหญ่ 200-400 มิลลิกรัม ทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง ไม่เกินวันละ 1,200 มิลลิกรัม
ยาทา
ผู้ใหญ่ ใช้ครีม/สเปรย์/โฟม ที่มีส่วนผสมของตัวยา 5% หรือ ชนิดเจลที่มีส่วนผสมของตัวยา 10% บริเวณที่มีอาการปวด
การใช้ยาไอบูโพรเฟน
ยาไอบูโพรเฟนเป็นยาที่สามารถส่งผลเสียต่อกระเพาะและลำไส้ได้ ควรรับประทานยาหลังอาหาร และใช้ไม่เกินครั้งละ 400 มิลลิกรัม นอกจากนี้ไม่ควรใช้ยาไอบูโพรเฟนร่วมกับยาแอสไพรินโดยเด็ดขาด และควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะใช้ยา เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหาร หากไม่แน่ใจในเรื่องการใช้ยาควรปรึกษาแพทย์ให้แน่ชัด
ผลข้างเคียงของยาไอบูโพรเฟน
- ปวดท้อง โดยเฉพาะผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหาร
- คลื่นไส้ อาเจียน
- บวมตามแขน ขา โดยเฉพาะผู้มีภาวะไตบกพร่อง
อย่างไรก็ตาม การกินยาไอบูโพรเฟนเกินขนาด อาจทำให้เสี่ยงเป็นแผลในกระเพาะอาหาร และส่งผลต่อการทำงานของไตได้ด้วย นอกจากนี้ ผู้ที่ใช้ยาบางรายอาจมีอาการผลข้างเคียงที่ผิดปกติร่วมด้วย เช่น รู้สึกกระวนกระวาย มึนงง เลือดออกตามไรฟัน ผิวลอก สายตาผิดปกติ ท้องผูก ไอ เสียงแหบ หนาวสั่น กลืนลำบาก ปากแห้ง วิงเวียนศีรษะ หลอดเลือดที่คอโป่งพอง อ่อนเพลียอย่างรุนแรง การเต้นของหัวใจผิดปกติ เป็นไข้ ปัสสาวะถี่ ผมร่วง ลมพิษ ความดันโลหิตสูง ท้องไส้ปั่นป่วน อาเจียนเป็นเลือด หรือตาเหลือง ตัวเหลือง ซึ่งถ้าหากเกิดอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะหากทิ้งไว้อาจส่งผลร้ายให้ผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะโคม่าได้
ข้อควรระวังในการใช้ยาไอบูโพรเฟน
- ห้ามกินยาตอนท้องว่าง เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาไอบูโพรเฟน หรือยาในกลุ่ม NSAIDs
- ห้ามใช้ยาที่หมดอายุ
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยไข้เลือดออก
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคไต โรคตับ โรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน และผู้มีแผลในกระเพาะอาหาร
- ระวังการใช้ยานี้กับหญิงตั้งครรภ์
- ระวังการใช้ยานี้ในผู้สูงอายุ
- ไม่ควรกินยาไอบูโพรเฟนติดต่อกันนาน ๆ เพราะอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจวาย
ไอบูโพรเฟนเป็นยาแก้ปวดที่ช่วยรักษาอาการปวด และการอักเสบต่าง ๆ ได้ดี แต่ทั้งนี้ก็เป็นยาในกลุ่มที่มีผลข้างเคียง และข้อจำกัดในการใช้ ซึ่งเพื่อความปลอดภัย ควรใช้ยาภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร และตัวเราเองก็ควรสังเกตอาการของร่างกายเมื่อใช้ยาชนิดต่าง ๆ ด้วย
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– เว็บพบแพทย์
– เอกสารกำกับยา
– kapook
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM