13 สัญญาณเตือนว่าคุณกำลังขาดวิตามินบี 1 รู้ให้ทัน ป้องกันการเสียชีวิต

วิตามินบี 1 มีบทบาทความสำคัญที่มากกว่าหลาย ๆ คนเข้าใจ เพราะอย่างที่รู้กันว่าหากขาดวิตามินบี 1 ขึ้นมา โรค เหน็บชาจะเตือนให้เราต้องเติมวิตามินบี 1 ให้ร่างกายมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่อยากให้รู้เพิ่มขึ้นอีกนิดก็คือ สัญญาณของการขาดวิตามินบี 1 ไม่ได้มีแค่อาการเหน็บชาเท่านั้น แต่ยังมีอาการอื่น ๆ ที่ต้องใส่ใจให้ดีด้วย ไม่อย่างนั้นภาวะขาดวิตามินบี 1 อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้เลย

อาการขาดวิตามินบี สามารถดูได้จากสัญญาณดังต่อไปนี้

  1. อาการเหน็บชาปลายมือ ปลายเท้า อาจรู้สึกแปล๊บ ๆ ร่วมด้วย
  2. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
  3. เบื่ออาหาร
  4. ท้องอืด ท้องผูก
  5. เป็นตะคริวบ่อยขึ้น
  6. ปวดน่อง
  7. แขนขาไม่มีแรง
  8. หอบเหนื่อย
  9. ปัสสาวะน้อยลง
  10. อารมณ์แปรปรวน
  11. น้ำหนักลด
  12. หัวใจเต้นผิดจังหวะ
  13. หัวใจล้มเหลว

ทั้งนี้สัญญาณของการขาดวิตามินบี 1 จะขึ้นอยู่กับปริมาณการขาดวิตามินบี 1 ของแต่ละบุคคล ซึ่งหากมีภาวะขาดวิตามินบี 1 เพียงเล็กน้อย อาจเกิดโรคเหน็บชา และอ่อนเพลียให้รู้สึกบ้าง

ทว่าในรายที่ขาดวิตามินบี 1 มาก จะมีอาการทางระบบประสาท เช่น แขนชา ขาชา อาจมีอาการทางสมอง ตากระตุก ตาเหล่ เดินเซ อาเจียน จนมีอาการซึม อาจกระทบไปถึงการทำงานของระบบหัวใจ ทำให้เกิดอาการหอบเหนื่อย เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวจนถึงแก่ชีวิตได้ หรือหากเลือดไปเลี้ยงส่วนใดของร่างกายไม่เพียงพอ ก็อาจเกิดปัญหาที่ระบบนั้น เช่น ไตวาย

การขาดวิตามินบี 1 สังเกตได้จากอาการเหน็บชา ทว่านอกจากนั้นแล้วยังอาจมีสัญญาณอันตรายต่อสุขภาพที่ควรต้องใส่ใจมากขึ้นก่อนจะสายเกินไปด้วย

การรักษาอาการขาดวิตามินบี 1 ทำได้โดย

  • รับประทานอาหารที่มีวิตามินบีสูง อย่างข้าวซ้อมมือไม่ขัดสี ไข่แดง ตับ เครื่องในสัตว์ โยเกิร์ต นม ถั่ว และพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารทำลายวิตามินบี 1 อย่างหมาก พลู ชา ปลาร้า และปลาน้ำจืดบางชนิดด้วย
  • ในเคสที่มีอาการโรคเหน็บชารุนแรง ทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก อาจรักษาอาการขาดวิตามินบี 1 ได้ด้วยการฉีดไธอะมินปริมาณสูงสุดที่ 100 มิลลิกรัม (ขนาดของไธอะมินขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์) เข้าสู่เส้นเลือดดำ ซึ่งนับว่าเป็นการรักษาที่ให้ผลได้อย่างเต็มที่ในทันที
  • วิตามินบี 1 ต้องกินเท่าไรถึงเรียกว่าเพียงพอ ?
  • การกำหนดค่าปริมาณไธอะมินอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวัน (Dietary Reference Intake, DRI) ของประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เมื่อปี ค.ศ. 2000 ได้กำหนดค่าประมาณของความต้องการไธอะมินที่ควรได้รับประจำวัน (Estimated Average Requirement, EAR) ไว้ที่ 1.0 มิลลิกรัมต่อวันสำหรับผู้ชาย และวิตามินบี 1 ปริมาณ 0.9 มิลลิกรัมสำหรับเพศหญิง
  • ทั้งนี้สำหรับหญิงตั้งครรภ์และหญิงที่ให้นมบุตร ควรเพิ่มปริมาณการรับวิตามินบี 1 ให้มากกว่าปกติอีก 0.3 มิลลิกรัม เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของสภาวะร่างกายในขณะนั้น
  • และสำหรับเด็กทารกวัย 6-8 เดือน ควรได้รับวิตามินบี 1 จำนวน 0.3 มิลลิกรัม ส่วนเด็กแรกเกิดจนถึงวัย 5 เดือน ควรได้รับวิตามินบี 1 จากน้ำนมแม่ในอัตราส่วน 0.2 มิลลิกรัม ซึ่งก็หมายความว่าคุณแม่ต้องมีวิตามินบี 1 ในร่างกายที่เพียงพอสำหรับลูกน้อยด้วยนั่นเอง



แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– กรมอนามัย
– คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
– Kapook.com
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM

แชร์

ยังไม่มีบัญชี