โรควัวบ้า หรือโรคสมองฝ่อในวัวแต่นิยมเรียกว่า Bovine spongiform encephalopathies(BSE) เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับสมองและระบบประสาทส่วนกลางที่พบในวัว แต่สามารถส่งผ่านมายังคนและสัตว์ชนิดอื่นได้ แม้จะพบได้น้อยมาก แต่โรคนี้ก็ทำให้สมองและระบบประสาททำงานผิดปกติได้ โดยสัตว์ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีพฤติกรรม การรับความรู้สึก และการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไป สำหรับในคน มีโรคที่มีอาการคล้ายกับโรควัวบ้า คือ โรควาเรียนท์ครอยตส์เฟลดต์-จาค็อบ (Variant Creutzfeldt-Jakob Disease หรือ vCJD) ที่สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ติดเชื้อโรควัวบ้า โดยทั้งโรควัวบ้าและโรควาเรียนท์ครอยตส์เฟลดต์-จาค็อบล้วนทำให้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

สาเหตุโรควัวบ้า

โรควัวบ้าเกิดจากสารก่อโรคที่เรียกว่า พริออนโปรตีน [prion protein (PrP)] ซึ่งเป็น PrP ที่ผิดปกติและ

ติดต่อได้ โดยมีลักษณะเป็นอนุภาคโปรตีนขนาดเล็ก มีคุณสมบัติพิเศษคือไม่ถูกทําลายโดยความร้อนระดับหุงต้มอาหาร นอกจากนี้ยังทนต่อแสงอุลตร้าไวโอเล็ต แช่แข็ง pasteurization sterilization และ protease enzyme โรคนี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มโรคที่เรียกว่า Transmissible spongiform encephalopathies(TSEs)โรคในสัตว์อื่นๆ ที่คล้ายโรค BSE คือ

  • Scrapie ในแกะ
  • Transmissible mink encephalopathy ในมิงค์
  • Chronic wasting disease ในลา และกวาง
  • Feline spongiform Encephalopathy ในแมว
  • Kuru disease, Gerstmann-Straussler syndrome และ Creutzfeldt-Jacob disease ในคน

อาการของโรควัวบ้า

โดยทั่วไป วัวหรือสัตว์ชนิดอื่น ๆ ที่เป็นโรควัวบ้าจะมีพฤติกรรมที่แตกต่างไปจากเดิม มีปัญหาในการเดินและการลุก เนื่องจากเสียการทรงตัว อาจมีพฤติกรรมที่รุนแรง มีน้ำหนักตัวและน้ำนมที่ลดลง และล้มตายในเวลาต่อมา

ส่วนผู้ป่วยโรควาเรียนท์ครอยตส์เฟลดต์-จาค็อบนั้น จะมีอาการต่าง ๆ ดังนี้

  • ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อไม่ได้ มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ กล้ามเนื้อกระตุก
  • มีพฤติกรรมและบุคลิกภาพที่เปลี่ยนไป
  • มองเห็นภาพผิดปกติ โดยอาจเห็นภาพหลอน ตาพร่ามัว หรือตาบอดได้
  • การรับความรู้สึกผิดปกติ
  • พูดหรือกลืนอาหารลำบาก
  • รู้สึกเครียด วิตกกังวล หรือซึมเศร้า
  • นอนไม่หลับ
  • ความจำเสื่อม

ทั้งนี้ โรควาเรียนท์ครอยตส์เฟลดต์-จาค็อบจะมีอาการรุนแรงมากขึ้นจนทำให้ผู้ป่วยหมดสติ และอาจเสียชีวิตภายในเวลาประมาณ 13 เดือนหลังเริ่มแสดงอาการ

การตรวจวินิจฉัยโรควัวบ้า

 การวินิจฉัยโรควัวบ้าต้องทําในสัตว์ที่ตายแล้วไม่สามารถวินิจฉัยในสัตว์ที่มีชีวิต สัตว์ที่ตายด้วยโรค BSE

เมื่อทําการผ่าซาก จะไม่พบรอยโรคใดๆ ในอวัยวะภายใน สมองและไขสันหลัง การวินิจฉัยโรควัวบ้าที่ถูกต้องแม่นยําต้องนําตัวอย่างเนื้อเยื่อสมอง โดยเฉพาะสมองส่วนท้ายที่เรียกว่า Obex และไขสันหลังจากวัวที่แสดงอาการป่วยตาย มาตรวจด้วยวิธีมาตรฐานสากลซึ่งเป็นที่ยอมรับจากคณะกรรมการสหภาพยุโรปและ OIE ได้แก่

1. วิธีทางจุลพยาธิวิทยา โดยนําตัวอย่างสมองและไขสันหลัง แช่น้ํายาฟอร์มาลินมาตรวจรอยโรค

2. วิธีทางอิมมูนโนฮิสโตเคมีสตรี้(IHC) นําตัวอย่างจากการตรวจทางจุลพยาธิวิทยา มาผ่านกระบวนการย้อมสีทาง IHC ตรวจหา PrPsc

3. วิธีด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน(TEM) นําตัวอย่างสมอง และไขสันหลังสดมาปั่นกับสารละลาย แยก

ตะกอนนําน้ําใสมาตรวจโดยผ่านกระบวนการย้อมที่เรียกว่า negative stain

4. วิธี prionic western blotting

5. วิธี Sandwich immunoassay(ELISA)

การวินิจฉัยแยกจากโรคอื่น ๆ

 เป็นการยากที่จะวินิจฉัยโรคนี้แยกออกจากโรคอื่นทางอาการทางคลินิค เพราะโรควัวบ้ามีอาการทาง

คลินิคทางระบบประสาทที่ที่คล้ายคลึงกันหลานโรคคือ Rabies, Listeriosis, Non-suppurative encephalitis,

Brain edema, Lead posioning, Magnesium and copper deficiency

การรักษาโรควัวบ้า

ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการที่รักษาโรควัวบ้าและโรควาเรียนท์ครอยตส์เฟลดต์-จาค็อบได้ จากการทดลองใช้ยาชนิดต่าง ๆ ทั้งยาประเภทสเตียรอยด์ ยาปฏิชีวนะ รวมถึงยาต้านไวรัสต่าง ๆ พบว่าไม่สามารถใช้ยาดังกล่าวรักษาโรคนี้ได้ แพทย์จึงต้องรักษาผู้ป่วยตามอาการที่เกิดขึ้น เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและลดความรุนแรงของอาการต่าง ๆ แทน

ภาวะแทรกซ้อนของโรควัวบ้า

โดยทั่วไป อาการของโรควาเรียนท์ครอยตส์เฟลดต์-จาค็อบจะมีความรุนแรงมากขึ้นจนอาจทำให้ผู้ป่วยต้องห่างเหินจากครอบครัวและคนรอบข้าง ทั้งยังอาจสูญเสียความทรงจำ ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ จนกระทั่งไม่รู้สึกตัวในตอนท้ายสุด นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการปอดบวม หรือเกิดการติดเชื้ออื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้เช่นกัน

การป้องกันโรควัวบ้า

แม้ในปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีการรักษาผู้ที่ติดเชื้อและไม่มีวิธีเฉพาะในการป้องกันโรควัวบ้า แต่คนทั่วไปอาจลดความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ โดยปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  • เพิ่มความระมัดระวังในการรับประทานอาหาร โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่ใช้วัตถุดิบที่อาจเกี่ยวข้องกับโรควัวบ้า
  • หากมีโรควัวบ้าระบาดในประเทศที่อาศัยอยู่ ให้ปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด  

ส่วนการป้องกันในระดับประเทศ รัฐบาลในหลายประเทศมีการใช้มาตรการเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อโรควัวบ้าภายในประเทศ โดยบังคับใช้กับผู้บริโภคและผู้ผลิต ดังนี้

  • ห้ามนำเข้าวัวหรือสัตว์อื่น ๆ ที่ติดเชื้อโรควัวบ้า
  • ห้ามเลี้ยงสัตว์ที่อาจเสี่ยงติดเชื้อโรควัวบ้า
  • ห้ามใช้วัตถุดิบที่อาจเสี่ยงติดเชื้อโรควัวบ้าในการประกอบอาหาร
  • เพิ่มความเข้มงวดในกระบวนการจัดการกับสัตว์ที่ป่วย
  • เฝ้าระวังและตรวจสอบเพื่อติดตามสุขภาพของวัว


แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– กรมปศุสัตว์
– web pobpad
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM

แชร์

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

No results found.

ยังไม่มีบัญชี