รู้จักโรคปลายประสาทอักเสบ อาการชา ปวดแสบปวดร้อน

โรคปลายประสาทอักเสบเกิดจากความเสียหายของระบบประสาทส่วนปลาย ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดอาการชาหรือเสียวแปลบบริเวณมือหรือเท้า และอาจส่งผลต่อการทำงานของร่างกายในด้านอื่น ๆ ด้วย โรคปลายประสาทอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย โดยส่วนใหญ่มักพบในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งโรคปลายประสาทอักเสบอาจพบในผู้ป่วยเบาหวานได้มากกว่า 50% เลยทีเดียว นอกจากนี้ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรือผู้ที่ทำงานในท่าเดิมซ้ำ ๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานก็อาจมีความเสี่ยงในการเกิดโรคปลายประสาทอักเสบเช่นเดียวกัน

อาการของโรคปลายประสาทอักเสบ
เส้นประสาทส่วนปลายมีหน้าที่เฉพาะ ดังนั้นอาการจะขึ้นอยู่กับประเภทของเส้นประสาทที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้

  1. เส้นประสาทรับความรู้สึก (Sensory nerves) เส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับผิวหนัง ที่ทำให้เกิดความรู้สึกต่างๆ เช่น อุณหภูมิ ความเจ็บปวด การสั่นสะเทือน หรือการสัมผัส
  2. เส้นประสาทสั่งการ (Motor nerves) เส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อ ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
  3. เส้นประสาทอัตโนมัติ (Autonomic nerves) เส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับอวัยวะภายใน ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่น ความดันโลหิต การขับเหงื่อ อัตราการเต้นของหัวใจ การย่อยอาหาร และการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ

ผู้ป่วยโรคปลายประสาทอักเสบส่วนใหญ่มักมีอาการของโรคที่สามารถสังเกตได้ ดังต่อไปนี้

  • เกิดอาการชาหรือเสียวแปลบคล้ายโดนเข็มทิ่มบริเวณปลายมือหรือปลายเท้า
  • อาการชา เสียวแปลบ หรือปวดแสบปวดร้อนอาจลามขึ้นมาบริเวณแขนหรือขา
  • เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะบริเวณเท้า
  • สูญเสียความสมดุลของร่างกาย หรือเสียการทรงตัว
  • เกิดความเจ็บปวดเมื่อทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ปวดเท้าเมื่อลงน้ำหนัก ปวดข้อมือเมื่อใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือติดต่อกันเป็นเวลานาน
  • ไวต่อการสัมผัสมาก
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • รู้สึกเหมือนสวมถุงมือหรือถุงเท้าทั้ง ๆ ที่ไม่ได้สวม
  • เป็นอัมพาตหากเส้นประสาทสั่งการ ได้รับบาดเจ็บรุนแรง
  • แพ้ความร้อน
  • เหงื่อออกมาก หรือไม่สามารถขับเหงื่อได้
  • มีปัญหาลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ หรือระบบย่อยอาหาร
  • ความดันโลหิตลดลงทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะหรือหน้ามืด

นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคปลายประสาทอักเสบบางรายอาจไม่แสดงอาการในเบื้องต้น จึงควรหมั่นสังเกตตัวเองอยู่เสมอ หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นจะได้รับมืออย่างทันท่วงที

สาเหตุของโรคปลายประสาทอักเสบ

  1. การถูกกดทับเฉพาะที่
    เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในคนที่ต้องทำงานที่ต้องใช้ข้อมือหนักๆ เป็นประจำจนทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาทตรงบริเวณนั้น เช่น รับจ้างซักรีด พิมพ์ดีด หรือคอมพิวเตอร์ เป็นประจำ หรือแม้กระทั่งการเล่นกีฬาที่ต้องใช้มือเป็นประจำก็สามารถทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาทได้
  2. เป็นผลมาจากโรคประจำตัว หรือเกิดความผิดปกติด้านอื่นแทรกซ้อน
    ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานในระยะเวลานาน และไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ จะทำให้เกิดอาการชาจากปลายประสาทอักเสบ ซึ่งมักเรียกว่าโรคเส้นประสาทจากโรคเบาหวาน (Diabetic neuropathies) นอกจากนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยโรคไทรอยด์บางชนิด โรคไตวายเรื้อรัง โรคติดต่อบางชนิด และผู้ที่มีความผิดปกติทางด้านภูมิคุ้มกัน
  3. การติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ
    ผู้ที่ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจแล้วไม่รีบรักษา อาจทำให้เชื้อลุกลามไปยังปลายประสาทจนเกิดการอักเสบได้ โดยมักเกิดบริเวณระบบทางเดินหายใจส่วนบน ซึ่งถ้ามีอาการรุนแรงก็อาจถึงขั้นต้องสอดท่อช่วยหายใจ เพราะกล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจเกิดการล้มเหลวนั่นเอง อย่างไรก็ตามภาวะนี้พบได้ไม่บ่อยนัก
  4. เกิดจากการขาดวิตามิน หรือสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายบางชนิด
    หากขาดวิตามินบี 12 อย่างรุนแรง จะทำให้ระดับการทำงานของเซลล์ประสาทและระบบประสาทผิดปกติ เนื่องจากวิตามินบี 12 ทำหน้าที่ป้องกันเยื่อไมอีลิน (Myelin) ที่ห่อหุ้มเส้นประสาทเอาไว้ แต่สาเหตุนี้มักพบได้น้อยในปัจจุบัน
  5. เกิดขึ้นจากสาเหตุอื่นๆ
    ได้รับยาหรือสารพิษบางชนิดมากจนเกินไป คือยาต้านมะเร็ง, ยาปฏิชีวนะบางชนิด, สารตะกั่ว และปรอท เป็นต้น หากถอนพิษจนหมดก็จะกลับมาเป็นปกติ
    เกิดจากอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บจนส่งผลให้ปลายประสาทเกิดความเสียหาย หากรักษาจนอาการดีขึ้นก็จะกลับมาเป็นปกติ

วิธีดูแลรักษาปลายประสาทอักเสบแบบง่ายๆ
ผู้ป่วยโรคปลายประสาทอักเสบที่มีอาการไม่รุนแรง สามารถใช้วิธีการเหล่านี้ในการดูแลตัวเองเบื้องต้น เพื่อช่วยบรรเทาอาการของโรคปลายประสาทอักเสบที่เกิดขึ้นได้

1. รับประทานวิตามินบี 1 วิตามินบี 6 และวิตามินบี 12 ร่วมกัน
โรคปลายประสาทอักเสบอาจเกิดจากการได้รับวิตามินบี 1 วิตามินบี 6 และวิตามินบี 12 จากอาหารไม่เพียงพอ การรักษาจึงจำเป็นต้องใช้วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 และวิตามินบี 12 เสริมในปริมาณที่สูง โดยขนาดการรักษาใน 1 วันที่ผู้ป่วยควรได้รับคือ วิตามินบี 1 ประมาณ 100–300 มิลลิกรัม วิตามินบี 6 ประมาณ 100–600 มิลลิกรัม และวิตามินบี 12 ประมาณ 400–2,000 ไมโครกรัม

  1. วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 และวิตามินบี 12 มีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงเส้นประสาท โดยจะทำงานเสริมกันในการช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ประสาท ทำให้ระบบประสาททำงานได้เป็นปกติ จึงใช้รักษาอาการจากโรคปลายประสาทอักเสบได้ ซึ่งคุณสมบัติหรือหน้าที่ของวิตามินแต่ละชนิดมีดังนี้
  2. วิตามินบี 1 ช่วยทำให้เกิดพลังงานภายในเส้นประสาท ช่วยกระตุ้นให้เกิดการทำงานของระบบประสาท
  3. วิตามินบี 6 ช่วยสร้างสารสื่อประสาทในระบบประสาท ช่วยให้สามารถควบคุมการทำงานของระบบประสาทได้ดีขึ้น
  4. วิตามินบี 12 ช่วยสร้างเสริมการทำงานของปลอกหุ้มประสาท ช่วยให้เซลล์ประสาทที่ถูกทำลายสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ

2. ดูแลสุขภาพเท้า
ผู้ป่วยโรคปลายประสาทอักเสบซึ่งเป็นผลมาจากโรคเบาหวานควรใส่ใจสุขภาพเท้ามากเป็นพิเศษ เพราะอาจเกิดแผลที่เท้าได้ง่าย การดูแลสุขภาพเท้าสามารถทำได้โดยสวมถุงเท้าผ้าฝ้ายเนื้อนุ่มอยู่เสมอเพื่อปกป้องเท้า ทาครีมบำรุงผิวที่เท้าเพื่อป้องกันไม่ให้เท้าแห้งแตก รวมถึงอาจประคบเย็นบริเวณเท้าครั้งละ 10 นาที วันละ 2 ครั้ง ทั้งตอนเช้าและตอนเย็นด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรหมั่นสังเกตรอยแผลพุพอง หรือผิวหนังที่มีลักษณะหนาและด้านซึ่งเกิดขึ้นบริเวณเท้าอยู่เสมอ หากมีอาการผิดปกติควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม

3. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงที่มักส่งผลให้เกิดอาการของโรคปลายประสาทอักเสบได้ เช่น

  • เลิกสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือด ปัญหาเกี่ยวกับเท้า และภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับระบบประสาทอื่น ๆ
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก เพราะจะส่งผลให้เกิดการขาดวิตามินบี
  • หลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้าง รวมทั้งการพิงหรือเท้าข้อศอก
  • ติดตามและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของตนเองอยู่เสมอ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างครบถ้วนและหลากหลายตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ

4. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายจะช่วยลดอาการปวดเส้นประสาทและช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ โดยการออกกำลังกายที่แนะนำสำหรับผู้ป่วยโรคปลายประสาทอักเสบ เช่น การเดินเร็วสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที การเล่นโยคะ การรำไท้เก๊ก หรือการว่ายน้ำ

โรคปลายประสาทอักเสบ มักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการรับประทานอาหาร หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสมก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรง และห่างไกลจากโรคนี้แน่นอน


แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– โรงพยาบาลสมิติเวช
– pobpad.com
– hdmall.co.th
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM

แชร์

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

No results found.

ยังไม่มีบัญชี