ภาวะช่องคลอดแห้งเป็นอาการทั่วไปที่สามารถเกิดขึ้นได้ในเพศหญิงวัยหมดประจำเดือน แต่ก็สามารถเกิดได้ในเพศหญิงวัยอื่น ๆ เช่นกัน โดยสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย ภาวะสุขภาพบางประการ หรืออาจเป็นผลข้างเคียงมาจากการใช้ยาเพื่อรักษาโรคบางชนิด
ช่องคลอดแห้ง (Vaginal Dryness) เป็นอาการหรือภาวะภายในช่องคลอดที่เกิดขึ้นเมื่อช่องคลอดขาดเมือกหล่อลื่นหรือมีน้อยลงกว่าปกติ ทำให้เยื่อบุช่องคลอดขาดความชุ่มชื่นจนเกิดความแห้งกร้านและอาจก่อให้เกิดอาการเจ็บ แสบ หรือรู้สึกไม่สบายตัวตามมาได้
อาการของภาวะช่องคลอดแห้งมีอะไรบ้าง?
- รู้สึกร้อนๆ แสบแห้ง ระคายเคืองในช่องคลอด
- ขาดน้ำหล่อลื่น และเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์
- ปัสสาวะบ่อย รู้สึกร้อนๆ แสบขณะปัสสาวะ ปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่ได้
- มีความต้องการทางเพศลดลง และถึงจุดสุดยอดได้ยากมากขึ้น
- เยื่อบุช่องคลอดบางและมีสีซีดลง อาจมีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์
- อาจเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะขึ้นบ่อย ๆ ได้ในบางราย
- ช่องคลอดอักเสบ เป็นตกขาวบ่อย เป็นๆ หายๆ และหายยาก เนื่องจากในช่วงวัยเจริญพันธุ์ ผู้หญิงมีฮอร์โมนเอสโตรเจนปกติช่องคลอดจะมีผิวชุ่ม หนาและมีลูกคลื่น พอเข้าวัยทองจะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน จึงทำให้ผนังบาง ความยืดหยุ่นลดลง เลือดมาเลี้ยงบริเวณช่องคลอดลดลง การหลั่งน้ำหล่อลื่นลดลง ภาวะความเป็นกรดลดลง กลายเป็นสภาวะด่างมากขึ้น เพราะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ร่วมกับเซลล์ที่ผนังช่องคลอดลอก ทำให้ช่องคลอดมีความเป็นด่างมากขึ้น ซึ่งเป็นสภาวะที่แบคทีเรียชนิดดี lactobacilli ที่คอยปกป้องช่องคลอดนั้นอยู่ไม่ได้ ทำให้มีการเติบโตของแบคทีเรียก่อโรคต่างๆ ทำให้ช่องคลอดติดเชื้อได้ง่ายและบ่อย
สาเหตุของภาวะช่องคลอดแห้ง
1.ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายที่ลดลงตามวัย ซึ่งในวัยก่อนหมดประจำเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนอยู่ที่ 10-800 pg/ml ปริมาณแตกต่างตามระยะของรอบระดู แต่เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนมักน้อยกว่า 30 pg/ml และแหล่งของเอสโตรเจนจะมาจากเอสโตรเจนชนิด E1 มากกว่า ซึ่งถูกเปลี่ยนมาจากส่วนของไขมันที่สะสมบริเวณท้องแขน ต้นขา และพุงหรือหน้าท้อง
2.ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงจากผลข้างเคียงของยา ได้แก่
- การใช้ยาเคมีบำบัดในการรักษามะเร็ง ในบางรายส่งผลให้รังไข่ทำงานล้มเหลว เกิดการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน และพบปัญหาช่องคลอดและปากช่องคลอดแห้งตามมา มีการเก็บข้อมูลพบปัญหานี้ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ผ่านการให้ยาเคมีบำบัด ร้อยละ 23-61
- การให้ยาซึ่งมีกลไกต้านฮอร์โมนเอสโตรเจนในการรักษาบางโรค เช่น เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ถุงน้ำช็อกโกแลตที่รังไข่ (เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ซึ่งพบที่รังไข่) การฉีดยาเพื่อลดขนาดก้อนเนื้องอกมดลูกก่อนการผ่าตัด ซึ่งอาจพบปัญหาช่องคลอดแห้งตามมาได้

วิธีแก้ปัญหาช่องคลอดแห้ง
- ใช้เจลหล่อลื่น กรณีที่มีปัญหาเจ็บแสบขณะมีเพศสัมพันธ์ โดยทาบริเวณช่องคลอดหรืออวัยวะเพศชาย
- ใช้ฮอร์โมนทดแทน เพื่อเพิ่มฮอร์โมนเอสโตรเจน เหมาะสำหรับผู้มีภาวะวัยทอง
- ใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนทาในช่องคลอด ซึ่งพบว่าได้ผลดีทั้งชนิดเม็ด ครีม รวมถึงยาสำหรับสอดช่องคลอด ทั้งนี้ การใช้ยาควรอยู่ในการดูแลของแพทย์
- ใช้สารเพิ่มความชุ่มชื้น Moisturizer เพื่อช่วยปกป้องและเคลือบผนังช่องคลอดให้ชุ่มชื้น ซึ่งมีทั้งแบบเป็นน้ำ เจล และเม็ดสอดช่องคลอด
- การเลเซอร์ ช่วยกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดและสร้างคอลลาเจนในเนื้อเยื่อช่องคลอดให้มากขึ้น ใช้เวลาเพียง 5 – 10 นาที ช่วยฟื้นฟูให้ช่องคลอดมีความชุ่มชื่น ป้องกันและแก้ปัญหาการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน ปลอดภัย ไม่เจ็บ และไม่ต้องผ่าตัด
การป้องกันภาวะช่องคลอดแห้ง
- รับประทานอาหารหลัก 5 หมู่อย่างครบถ้วน และอาจเน้นรับประทานอาหารบางประเภทที่อาจส่งผลดีต่อสุขภาพของช่องคลอด เช่น โยเกิร์ต หรือผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองที่มีส่วนประกอบเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนเล็กน้อย
- ดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการต่อวัน
- หลีกเลี่ยงการใช้ถุงยางอนามัยที่มีส่วนผสมของสารโนน๊อกซินอล 9 (Nonoyxnol-9: N-9) เพราะอาจเพิ่งความเสี่ยงในการเกิดภาวะช่องคลอดแห้งได้
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือสารเคมีบริเวณอวัยวะเพศ รวมถึงการสวนล้างช่องคลอดบ่อย ๆ เพราะอาจทำให้สภาพความเป็นกรดด่างภายในช่องคลอดเสียสมดุล และนำไปสู่การเกิดภาวะช่องคลอดแห้งตามมา
- จัดการความเครียดหรือความกังวลอย่างเหมาะสม เพื่อรักษาสมดุลของระดับฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกายให้เป็นปกติ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– โรงพยาบาลพญาไท
– โรงพยาบาลเวชธานี
– web pobpad
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM