ผิวของคนเราก็เหมือนหน้าต่างที่แสดงหรือสื่อว่าร่างกายของคุณนั้นแข็งแรงหรือมีความผิดปกติเกิดขึ้นหรือเปล่าไม่ใช่แค่บ่งบอกถึงความสวยงามภายนอกเพียงอย่างเดียวและผิวจะดีได้ส่วนหนึ่งก็มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่จะส่งผลถึงภายในเพื่อสะท้อนกลับเป็นความงามสู่ภายนอก
ข้อแนะนำงต่อไปนี้จะเป็นตัวช่วยให้คุณได้สัมผัสผิวพรรณที่นุ่มนวลแลดูสุขภาพดีในแบบธรรมชาติด้วยวิธีใกล้ตัว
1. เลือกอาหารช่วยต้านแสงแดด: แสงแดดและอากาศร้อนในบ้านเราผลกระทบโดยตรงต่อผิวหนังไม่ว่าจะปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวแดง ผิวแสบไหม้ หรือปัญหาใหญ่อย่างมะเร็งผิวหนัง นอกจากการทาครีมกันแดดป้องกันแล้วคุณควรเสริมด้วยอาหารที่มีสารไลโคปีน เบต้าแคโรทีน และกรดอะมิโน ซึ่งพบมากในมะเขือเทศและฟักข้าว ที่มีสรรพคุณช่วยป้องกันผิวไหม้จากแสงแดด ทำให้ผิวพรรณชุ่มชื่น และชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
2. ลดความเครียด: ความเครียด ความกังวล สิ่งเหล่านี้นอกจากจะทำลายจิตใจเราแล้วยังส่งผลเสียต่อผิวของเราได้เช่นกัน เพราะเมื่อร่างกายเกิดความเครียดหรืออารมณ์เสียเมื่อไรจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดชื่อว่า “คอร์ติซอล” ออกมาทำให้ไขมันทำงานหนักมากขึ้น ผลที่ตามมาคือมีผิวมันเกิดสิวทั่วใบหน้าและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย มากไปกว่านั้นอาจกลายผื่นแดงมีอาการคันและเสี่ยงต่อการติดเชื้ออื่น ๆ ได้ง่าย ดังนั้นจึงควรพยายามมองโลกในแง่บวก ทำจิตใจให้แจ่มใส และหาวิธีคลายเครียด เช่น การออกกำลังกาย การนั่งสมาธิ ฝึกลมหายใจ เป็นต้น ที่สำคัญคือ พักผ่อนให้เพียงพอ
3. หาเวลางีบ: หากคุณเป็นคนหนึ่งที่นอนไม่พอ การงีบหลับก็เป็นทางลัดให้ผิวได้ฟื้นฟูเช่นกัน เพียงคุณใช้เวลางีบหลับประมาณ 20 นาทีก็เป็นเวลาเพียงพอให้ร่างกายได้สร้างเซลล์ผิวใหม่เพื่อทดแทนเซลล์เก่าช่วยให้ผิวดูเต่งตึงเปล่งปลั่งมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการเกิดสิวและรอยคล้ำใต้ตาได้ด้วย หรือถ้าประสบปัญหาการนอนไม่หลับให้ดมกลิ่นลาเวนเดอร์อ่อน ๆ ก็จะช่วยให้คุณนอนหลับง่ายขึ้น
4. ดื่มก่อนนอนสร้างผิวสวย: นอกจากน้ำสะอาดบริสุทธิ์แล้วการลองหาโยเกิร์ต นมเปรี้ยว (แนะนำเป็นสูตรไขมันต่ำ) หรือน้ำพรุนสกัดก่อนนอน จะช่วยให้คุณมีการขับถ่ายที่ดีในยามเช้าเสมือนเป็นการขับของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งส่งผลให้ผิวหน้าและผิวกายดูเปล่งปลั่งสดชื่น
5. ออกกำลังกายช่วยกระชับผิว: การออกกำลังกายเป็นยาวิเศษขนานจริง นอกจากร่างกายแข็งแรงได้รูปร่างที่เข้าที่แล้วยังช่วยให้ออกซิเจนในร่างกายหมุนเวียนดี ทำให้ผิวเปล่งปลั่งขึ้น คุณอาจจะเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการวิ่งสลับเดิน เริ่มจากวอร์มอัพ 5 นาที จากนั้นลองเดินหรือวิ่งสลับหนักเบาเป็นช่วง ๆ เช่น วิ่งค่อนข้างเร็วสัก 30 นาที สลับกับเดินช้า 3 – 4 นาที ทำวันละ 45 – 60 นาที อย่างน้อย 5 – 6 สัปดาห์ สิ่งสำคัญคือการออกกำลังกายควรทำแต่พอดีและสม่ำเสมอ อย่าหักโหมหรือไม่พักร่างกาย เพราะจะทำให้คุณดูทรุดโทรม ระบบย่อยอาหารรวนอันเป็นสาเหตุของร่างกายและผิวพรรณไม่สดใสในระยะยาว
6. งด ละ เลิกแอลกอฮอล์และบุหรี่: เพราะเป็นสิ่งที่เพิ่มความหมองให้แก่ผิวเพราะแอลกอฮอล์ บุหรี่หรือสารเสพติดอื่น ๆ จะไปทำให้เส้นเลือดตีบตัน เลือดไหลเวียนไม่สะดวกและไปทำลายอิลาสตินกับคอลลาเจน ทำให้ผิวพรรณซีดเซียวและแห้ง ยิ่งไปกว่านั้นคือร่างกายขาดวิตามินเอ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจึงเกิดการบาดเจ็บต่อผิวได้ง่าย เกิดรอยย่นตามหน้าผากและรอยตีนกาบริเวณรอบดวงตาซึ่งจะพบมากในผู้ที่สูบบุหรี่
7. หัวเราะบ่อย ๆ ส่งผลดี: การหัวเราะนั้นมีประสิทธิภาพพอ ๆ กับการออกกำลังกาย ทันทีที่คุณหัวเราะกล้ามเนื้อบนใบหน้าและทั่วร่างกายจะยืดตัว ชีพจรกับความดันโลหิตจะเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยลำเลียงออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับทุกส่วนของร่างกาย ตั้งแต่สมอง ระบบไหลเวียนเลือด ระบบย่อย ระบบภูมิคุ้มกัน หรือแม้กระทั่งผิวพรรณที่ทำให้ใบหน้าได้เคลื่อนไหว มีความยืดหยุ่น ไม่ตึงหรือเกร็ง ประกอบกับทำให้เราได้ความผ่อนคลายความเครียดด้วย
8. ทานอาหารเสริมบำรุงผิว: การทานอาหารเสริมในรูปแบบต่าง ๆ ถือเป็นตัวช่วยที่ดี เช่น วิตามินซี เป็นส่วนสำคัญต่อการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ วิตามินอีมีส่วนช่วยปกป้องเซลล์ผิว จากอนุมูลอิสระ ช่วยยืดอายุผิวให้ความชุ่มชื้น หรืออีกวิธีคือการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย ซึ่งจะให้คำแนะนำพร้อมเช็กสภาพร่างกายว่า คุณขาดวิตามินหรือสารอาหารชนิดใดเพื่อสามารถเสริมส่วนที่ขาดให้ผิวและร่างกายคงความแข็งแรงได้ในระยะยาว
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– bangkokhospital.com
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM