คนไข้หลายๆ คนพอพบว่าตัวเองมาหนองหรือเมือกไหลออกมาทางท่อปัสสาวะ หรือช่องคลอด ก็เริ่มมีความกังวล ว่าตัวเองเป็นอะไร และอาการดังกล่าวถ้าพบว่า เป็น หนองใน เภสัชบอกเลยว่า ไม่ต้องกังวลเลยคะ ก่อนอื่นเรามารู้จัก หนองใน (Gonorrhea) เป็นโรคและอาการแบบไหน
หนองใน (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ชนิดหนึ่ง เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Neisseria gonorrhoeae ซึ่งสามารถติดเชื้อได้ผ่าน:
- การมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก
- การสัมผัสของเหลวจากผู้ติดเชื้อ (เช่น น้ำหล่อลื่น, หนอง, น้ำอสุจิ)
- ในทารกแรกเกิด อาจได้รับเชื้อจากมารดาขณะคลอดทางช่องคลอด
เมื่อพบว่าเราเป็นโรคหนองในแล้ว ก็ต้องรู้วิธีการป้องกัน หนองใน (Gonorrhea) หากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจเกิด ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ภาวะมีบุตรยาก อุ้งเชิงกรานอักเสบ หรือหนองในกระแสเลือด
ลองมาดูกันว่าใครเหมาะกับวิธีไหน
วิธี | รายละเอียด |
ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง | ไม่ว่าจะทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางปาก → ลดโอกาสติดเชื้อได้อย่างมาก |
มีคู่นอนประจำที่ไม่ติดเชื้อ | ลดความเสี่ยงการติดเชื้อจากคู่นอนหลายคน |
ตรวจสุขภาพเป็นประจำ | โดยเฉพาะหากมีคู่นอนหลายคน หรือมีความเสี่ยงทางเพศ |
งดมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีอาการผิดปกติ | เช่น มีหนองไหล ปวดแสบขณะปัสสาวะ ตกขาวผิดปกติ |
ให้ความรู้เรื่องเพศอย่างปลอดภัย | โดยเฉพาะวัยรุ่น เพื่อป้องกันการติดโรคแบบไม่รู้ตัว |
หากติดเชื้อ ต้องแจ้งคู่นอนและรักษาพร้อมกัน | เพื่อลดการติดเชื้อซ้ำ (Ping-pong infection) |
แต่เมื่อเป็นโรคหนองในแล้ว การใช้ยารักษาก็เป็นวิธีการและทางออกที่รวดเร็วเพื่อควบคุมการกำเริบของโรค ตัวยาที่เภสัชการนิยมจ่ายให้คนไข้ก็มาหลากหลาย เช่น Ceftriaxone ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ, การใช้ Cefixime รับประทาน 400 มก. (ในบางกรณีที่ฉีดยาไม่ได้) ร่วมกับ Azithromycin หากสงสัยติดเชื้อ Chlamydia ร่วมด้วย ก็เป็นทางเลือกของแพทย์หรือเภสัชในการจ่ายให้คนไข้

ยกตัวอย่างยา Cefixime ใช้รักษาโรคหนองในอย่างไร?
Cefixime เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่ม Cephalosporin รุ่นที่ 3 มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ Neisseria gonorrhoeae ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขนาดและวิธีใช้ยา Cefixime ในการรักษา
- ขนาดแนะนำ:
400 มิลลิกรัม (รับประทาน ครั้งเดียว)
→ ออกฤทธิ์ครอบคลุมเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ และอวัยวะสืบพันธุ์
ในบางกรณี อาจใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะอีกชนิด เช่น Azithromycin หากสงสัยการติดเชื้ออื่นร่วมด้วย เช่น Chlamydia trachomatis
ข้อควรระวังในการใช้ Cefixime
- ต้องกินยาให้ครบขนาด และไม่หยุดยาเองแม้อาการจะดีขึ้น
- ห้ามใช้ซ้ำเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเกิด การดื้อยา
- หากแพ้ยากลุ่มเพนิซิลลิน/เซฟาโลสปอริน → ควรแจ้งแพทย์
- ไม่ควรใช้ร่วมกับยาลดกรดหรือแคลเซียมสูง เพราะอาจลดการดูดซึมยา
อาการที่ควรกลับไปพบแพทย์ทันที
- อาการ ไม่ดีขึ้นใน 3–5 วัน
- ปวดหน่วง ปัสสาวะแสบมากขึ้น
- มี หนองจากอวัยวะเพศ ไม่หาย
- มีไข้ หรือสงสัยว่ามี การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน/ต่อมลูกหมาก
แนะนำเพิ่มเติมเมื่อเป็นหนองใน และกำลังอยู่ในขั้นตอนการรักษา
- ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ ระหว่างรักษา
- ควรตรวจ/รักษาคู่เพศสัมพันธ์พร้อมกัน เพื่อลดการติดเชื้อซ้ำ
- ตรวจซ้ำหลังรักษา 7–14 วัน เพื่อยืนยันว่าหายขาดแล้ว
หนองใน “รักษาได้” และ ยิ่งเร็ว ยิ่งปลอดภัย Ceftriaxone, Cefixime, หรือ ยาปฏิชีวนะเฉพาะทาง เป็นแนวทางหลักในการรักษาแต่จำเป็นต้องใช้ยา อย่างถูกต้อง ครบโดส และเหมาะสมกับแต่ละคน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– CDC – Gonorrhea Treatment Guidelines (2021) – แนวทางการใช้ยา Cefixime และยาปฏิชีวนะอื่นในการรักษา
– Drugs.com – Cefixime for Gonorrhea – ขนาดยา, วิธีใช้, และข้อควรระวังในการใช้ Cefixime
– Planned Parenthood – How to Prevent STDs – ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัยและวิธีลดความเสี่ยงจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
– CDC – Gonorrhea: Fact Sheet – ให้ข้อมูลอาการ วิธีป้องกัน การรักษา และผลกระทบของหนองใน
– Drugs.com – Gonorrhea and Treatment– ครอบคลุมเรื่องยารักษา ขนาดยา และคำแนะนำเพิ่มเติม
– CDC – Gonorrhea: Prevention– อธิบายวิธีป้องกันโรคหนองใน และคำแนะนำสำหรับบุคคลทั่วไป
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM