แอนแทรกซ์ (Anthrax) เป็นโรคติดเชื้อที่พบได้ไม่บ่อยในคน แต่มีความรุนแรงสูง เกิดจากแบคทีเรียชื่อ Bacillus anthracis ซึ่งสามารถสร้างสปอร์ (spore) ที่ทนทานต่อสิ่งแวดล้อมและอยู่ได้นานหลายปี โรคนี้พบมากในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น วัว แพะ และแกะ และสามารถติดต่อมาสู่คนได้
👉 สาเหตุของโรคแอนแทรกซ์
แอนแทรกซ์มีต้นเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis ซึ่งสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง
- การสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ติดเชื้อหรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ (เช่น หนังสัตว์)
- การสูดดมสปอร์ (Inhalation Anthrax)
- การกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก (Gastrointestinal Anthrax)
- การติดเชื้อทางผิวหนัง (Cutaneous Anthrax)
👉 วิธีการติดเชื้อแอนแทรกซ์
การติดเชื้อแอนแทรกซ์สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายช่องทาง ได้แก่
- การสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น หนัง ขน หรือเนื้อที่ไม่ผ่านการปรุงสุก
- การสูดดมสปอร์ จากดินหรือฝุ่นที่มีเชื้อ
- การรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสปอร์ หรือการสัมผัสกับเชื้อที่มีในเนื้อสัตว์ที่ติดเชื้อ
- การติดต่อผ่านบาดแผล หรือแผลเปิดบนผิวหนังที่สัมผัสกับเชื้อแบคทีเรีย
👉 ประเภทของแอนแทรกซ์ และอาการที่ควรรู้
1. แอนแทรกซ์ทางผิวหนัง (Cutaneous Anthrax) เป็นชนิดที่พบมากที่สุด
- เริ่มจากตุ่มแดง คัน คล้ายแมลงกัด
- ต่อมาจะกลายเป็นแผลพุพอง และเป็นแผลดำ (black eschar)
- มักไม่เจ็บปวด แต่มีโอกาสติดเชื้อเข้ากระแสเลือดได้หากไม่รักษา
2. แอนแทรกซ์ทางปอด (Inhalation Anthrax) อันตรายมากที่สุด
- อาการคล้ายไข้หวัด: ไข้สูง ไอ เจ็บหน้าอก
- พัฒนาอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วัน
- หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเสียชีวิตได้
3. แอนแทรกซ์ทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Anthrax)
- ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
- ถ่ายเป็นเลือด
- บางรายอาจมีไข้สูงและติดเชื้อกระแสเลือด
4. แอนแทรกซ์จากการฉีด (Injection Anthrax)
- พบในผู้ใช้ยาเสพติดทางเข็ม
- คล้ายชนิดผิวหนัง แต่ลุกลามเร็วกว่า

👉 การรักษาโรคแอนแทรกซ์
การรักษาโรคแอนแทรกซ์จะมีความแตกต่างกันไปตามชนิดของโรคและระยะเวลาที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยการรักษามักจะใช้ ยาปฏิชีวนะ เช่น
การรักษาจะมีความสำคัญมากที่สุดในช่วงแรก ๆ ของการติดเชื้อ โดยเฉพาะในกรณีของแอนแทรกซ์ทางเดินหายใจที่มีอัตราการเสียชีวิตสูง การใช้ยาปฏิชีวนะเหล่านี้จะช่วยลดความรุนแรงของโรคและเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต
นอกจากนี้ในบางกรณีที่แอนแทรกซ์แพร่กระจายไปยังกระแสเลือดหรืออวัยวะภายใน อาจต้องการการดูแลในโรงพยาบาลโดยการใช้ยาฆ่าเชื้อในทางหลอดเลือดหรือการผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อออก
👉 การป้องกันโรคแอนแทรกซ์
การป้องกันโรคแอนแทรกซ์นั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสกับสัตว์ที่อาจติดเชื้อหรือการรับประทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่ไม่ได้รับการปรุงสุกอย่างเหมาะสม โดยมีวิธีการป้องกันดังนี้:
- การฉีดวัคซีนแอนแทรกซ์
วัคซีนแอนแทรกซ์สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น บุคลากรที่ทำงานในสถานที่ที่มีสัตว์ที่อาจติดเชื้อ หรือทหารในพื้นที่สงคราม - การหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ที่อาจติดเชื้อ
ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่มีอาการติดเชื้อ หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อหรือปรุงสุก - การปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยในการจัดการกับสัตว์
การใช้มาตรการทางการเกษตรและการฆ่าเชื้อสัตว์ที่ได้รับการตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อ - การปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันในภาวะสงคราม
ในกรณีที่อาจมีการใช้แอนแทรกซ์เป็นอาวุธชีวภาพ จะต้องมีมาตรการการป้องกันทางชีวภาพที่เหมาะสม
หากท่านมีปัญหาสุขภาพ หรือต้องการปรึกษาการใช้ผลิตภัณฑ์และการใช้ยาอย่างถูกวิธี สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่หน้าร้านขายยาจุฬาลักษณ์เภสัชทุกสาขา หรือใช้บริการให้คำปรึกษา ช่องทางออนไลน์ได้ทุกช่องทางของเรานะคะ
ข้อมูลอ้างอิง (References):
- พญ. ศิริพร ศรีโรจนกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ ศูนย์อายุรกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา
- Centers for Disease Control and Prevention (CDC)
- World Health Organization (WHO).
- Mazumdar S. Raxibacumab. mAbs. 2009;1:531–8.
เรียบเรียงข้อมูลโดย : www.chulalakpharmacy.com