บิลเบอร์รี่ (Bilberry) เป็นผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ มีลักษณะคล้ายบลูเบอร์รี่แต่มีขนาดเล็กกว่า แม้ว่าเบอร์รี่ชนิดนี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักและคนไทยอาจยังไม่คุ้นเท่าไร แต่ประโยชน์ของบิลเบอร์รี่ต่อสุขภาพก็โดดเด่นไม่แพ้ผลไม้ชนิดอื่นในตระกูลเดียวกัน ประโยชน์ของบิลเบอร์รี่ครอบคลุมสุขภาพหลายด้าน เช่น บำรุงหัวใจ บำรุงสายตา และต้านการอักเสบที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลายโรค แต่บิลเบอร์รี่สดอาจหาได้ยากในประเทศไทย เพราะเป็นผลไม้ท้องถิ่นของยุโรปตอนเหนือ บิลเบอร์รี่ที่พบในไทยจึงมักมาในรูปแบบของอาหารเสริมมากกว่า โดยบทความนี้จะให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับประโยชน์ของบิลเบอร์รี่และวิธีการเลือกซื้ออาหารเสริมบิลเบอร์รี่อย่างปลอดภัย
คุณค่าทางโภชนาการ และสารอาหารสำคัญของบิลเบอร์รี
บิลเบอร์รี ประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และให้วิตามินสูง ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเสริมภูมิคุ้มกัน และบำรุงระบบการทำงานต่างๆ ในร่างกาย ดังนี้
1.สารไฟโตนิวเทรียนท์กลุ่มแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) สารที่ทำให้เกิดสีในผักผลไม้ ช่วยเรื่องการต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และลดกระบวนการออกซิเดชันของไขมันชนิด LDL6
2.แทนนิน (Tannins) มีคุณสมบัติช่วยสมานบาดแผล ต้านการอักเสบ บรรเทาอาการท้องเสียอาหารไม่ย่อย
3.วิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ เช่น วิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 64 เป็นต้น
คุณประโยชน์ของบิลเบอร์รี่ต่อสุขภาพ
บิลเบอร์รี่มีสารอาหารที่จำเป็นหลายชนิดจึงอาจช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับร่างกายในด้านต่อไปนี้
1. ต้านอนุมูลอิสระ
อนุมูลอิสระ หรือ Free Radicals เป็นสารชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกายตามธรรมชาติ เมื่อมีจำนวนมากขึ้นอาจทำให้ร่างกายขาดสมดุลจนนำไปสู่การอักเสบและการเสื่อมของร่างกาย ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคบางอย่าง
บิลเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) สูง คุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระ คือ การเข้าไปจัดการและควบคุมอนุมูลอิสระให้อยู่สภาวะที่สมดุลและไม่สร้างความเสียหายต่อเซลล์ภายในร่างกาย ดังนั้นการได้รับสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอก็อาจช่วยยับยั้งกระบวนการเสื่อมและอักเสบของเซลล์ภายในร่างกายได้
บิลเบอร์รี่ไม่เพียงมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง แต่ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น
- วิตามินซีหรือกรดแอสเคอร์บิก (Ascorbic Acid)
- กรดฟีโนลิก (Phenolic Acid)
- สารแอนโทไซยานิน (Antocyanin) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดสีในผักผลไม้
รายงานทางวิทยาศาสตร์จำนวนไม่น้อยชี้ว่าการได้รับสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเหมาะสมเป็นประจำอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังหลายโรค เช่น โรคหัวใจ โรคตับ โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง อย่างไรก็ตาม การได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการมีสุขภาพดีและลดความเสี่ยงของโรคเท่านั้น
2. บำรุงหัวใจและหลอดเลือดให้แข็งแรง
โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นโรคเรื้อรัง โรคนี้เกิดได้จากหลายปัจจัย ซึ่งการอักเสบของหลอดเลือดและกล้ามเนื้อหัวใจก็อาจทำให้ความเสี่ยงของโรคเพิ่มขึ้น ส่วนสาเหตุของการอักเสบอาจมาจากอนุมูลอิสระที่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่เฉพาะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ และโรคประจำตัวอื่น ๆ อาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
ประโยชน์ของบิลเบอร์รี่อาจครอบคลุมถึงการปกป้องหัวใจให้ห่างไกลจากโรคหัวใจได้ด้วย เนื่องจากปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่ค่อนข้างสูงและหลากหลายจึงอาจลดความเสียหายจากการอักเสบได้
การศึกษาชิ้นหนึ่งศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวิตามินซีกับสรรพคุณลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยให้ผู้เข้ารับการทดลองส่วนหนึ่งรับประทานวิตามินซีอย่างน้อย 700 มิลลิกรัมต่อวันและคนอีกส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับวิตามินซี
ภายหลังพบว่ากลุ่มที่ได้รับวิตามินซีมีความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจน้อยกว่ากลุ่มคนที่ไม่ได้รับ อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ไม่ได้พูดถึงผลข้างเคียงจากการใช้วิตามินซีในปริมาณดังกล่าวติดต่อกันนาน อีกทั้งการศึกษายังใช้เวลานานหลายปีจึงอาจมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อการศึกษาได้
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งชี้ว่าการได้รับแอนโทไซยานินที่พบได้ในบิลเบอร์รี่และผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ติดต่อกันหลายสัปดาห์อาจช่วยลดระดับของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL: Low-Density Lipoproteins) และเพิ่มปริมาณของคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL: High-Density Lipoproteins)
คอเลสเตอรอลเป็นคำที่ใช้เรียกไขมันในเลือดชนิดหนึ่ง คอเลสเตอรอลส่งผลต่อสุขภาพได้ไม่น้อย โดยเฉพาะสุขภาพหัวใจ หากปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีสูงติดต่อกันอาจเพิ่มความเสี่ยงของการสะสมของไขมันในผนังหลอดเลือดทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงและทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบตันได้ ดังนั้นการได้รับแอนโทไซยานินจากบิลเบอร์รี่จึงอาจช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจในข้อนี้ได้ แต่การศึกษาในสัตว์บางส่วนไม่พบความแตกต่างระหว่างกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับและไม่ได้รับแอนโทไซยานิน
บิลเบอร์รี่ยังมีวิตามินเคที่มีส่วนรักษาการทำงานของระบบไหลเวียนของเลือดและการควบคุมการแข็งตัวของเลือดจึงอาจช่วยลดความเสี่ยงของภาวะหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมองที่เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือด
3. บำรุงสายตาและลดความเสี่ยงของโรคต้อหิน
ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตอย่างขาดไม่ได้ แต่อายุที่เพิ่มขึ้นและปัจจัยอื่น ๆ อาจส่งผลให้ดวงตาเสื่อมลงและเสี่ยงต่อโรคตาบางชนิดมากขึ้นได้ การทดลองทางวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งพบประโยชน์ของบิลเบอร์รี่ต่อสุขภาพดวงตา เช่น
- ลดอาการตาล้า ตาแห้ง ปวดศีรษะ และตาพร่า
- ลดความเสี่ยงของโรคต้อหิน ซึ่งเป็นโรคที่อาจส่งผลต่อการมองเห็นได้ หากไม่ได้รับการรักษา
ประโยชน์ของอาหารเสริมที่สกัดจากบิลเบอร์รี่ต่อสุขภาพดวงตา
1. ช่วยถนอมดวงตา ทำให้การมองเห็นในที่มืดดีขึ้น
2. ช่วยรักษาอาการตาบอดกลางคืน ( Night blindness)
3. ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา เมื่อใช้สายตานานๆ
4. ช่วยป้องกันเลนส์ตาและช่วยให้คอลลาเจนในตาในส่วน cornea และหลอดเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น
5. ช่วยลดอนุมูลอิสระในจอตา ทำให้ป้องกันอาการเสื่อมที่มักจะเกิดกับดวงตาให้น้อยลงได้ เช่น ต้อกระจก ต้อหิน ต้อเนื้อ ตาเสื่อมในคนสูงอายุ(สายตายาว)
ปัจจุบันบิลเบอร์รี่เป็นสมุนไพรที่มีความปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียง จึงมักนิยมนำมาเป็นอาหารเสริม และได้รับความสนใจ ในการนำมาใช้ในการรักษาสุขภาพในปัจจุบัน สำหรับคนสูงอายุ หรือคนที่ต้องการถนอมดวงตาให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นและนานๆ
ข้อควรระวังในการกินบิลเบอร์รี
สำหรับกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ผู้ป่วยที่กินยาต้านการแข็งตัวของเลือด ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องกินยาเป็นประจำ และเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี ควรหลีกเลี่ยงการกินผลบิลเบอร์รีสด บิลเบอร์รีแช่แข็ง สารสกัดจากบิลเบอร์รี หรืออาหารเสริมที่มีส่วนผสมของบิลเบอร์รี เพราะอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยากับยาที่กินเป็นประจำ หรือผลข้างเคียงกับร่างกาย แต่หากต้องการกินควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพก่อนกิน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– web pobpad
– web sanook
– web nutrilite
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM