เริมที่อวัยวะเพศ (Genital Herpes) คืออาการติดเชื้อไวรัส บริเวณอวัยวะเพศ เป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับหลายคน เมื่อเชื้อ โรคเริม ได้เข้าสู่ร่างกายแล้วจะอยู่กับคนๆ นั้นไปตลอดชีวิต โดยที่คนส่วนใหญ่เป็นกันจะเกิดจากเชื้อ 2 สายพันธุ์ คือ Herpes Simplex Virus ชนิด 1 หรือ HSV-1 กับ Herpes Simplex Virus ชนิด 2 หรือ HSV-2 ส่งผลให้มีอาการเจ็บ คัน เกิดบาดแผลหรือตุ่มพองบริเวณอวัยวะเพศ และอาจมีอาการเจ็บขณะปัสสาวะร่วมด้วย โรคเริมที่อวัยวะเพศจัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผู้ป่วยมักจะได้รับเชื้อผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อโดยเพศหญิงจะมีความเสี่ยงต่อโรคมากกว่าเพศชาย ในปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ บางรายอาจกลับมาเป็นซ้ำได้อีกครั้งเมื่อร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วย หรือในช่วงที่มีประจำเดือนค่ะ
อาการของเริมที่อวัยวะเพศ
อาการของโรคจะเริ่มจากการเกิดตุ่มพองขนาดเล็กที่อาจจะแตกออกเป็นแผลเปิดและก่อให้เกิดความเจ็บปวด แต่แผลจะตกสะเก็ดและหายไปภายในเวลา 2-3 สัปดาห์ ในเพศชายจะปรากฏอาการของโรคบริเวณอวัยวะเพศ ถุงอัณฑะ หรือบริเวณสะโพกใกล้กับทวารหนัก ส่วนในเพศหญิงจะปรากฏอาการของโรคบริเวณช่องคลอด ทวารหนัก และสะโพก
นอกจากนี้ เริมที่อวัยวะเพศอาจส่งผลให้เกิดอาการอื่น ๆ ทั้งในเพศชายและเพศหญิง ดังนี้
- เกิดรอยแตกหรือรอยแดงบริเวณรอบ ๆ อวัยวะเพศ แต่ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บหรือคัน
- คันหรือชาบริเวณรอบ ๆ อวัยวะเพศหรือทวารหนัก
- เจ็บขณะปัสสาวะโดยเฉพาะในเพศหญิง เนื่องจากมีแผลบริเวณอวัยวะเพศ
- อาจมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น มีไข้ ปวดตัว ปวดหัว ต่อมน้ำเหลืองบวม และอ่อนเพลีย เป็นต้น
ระยะเวลาในการแสดงอาการจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระบบภูมิคุ้มกันของแต่ละบุคคล โดยอาการอาจปรากฏทันทีหลังได้รับเชื้อหรือปรากฏหลังจากการรับเชื้อมาแล้วนานหลายเดือนหรือเป็นปี ในกรณีที่ผู้ป่วยแสดงอาการทันทีหลังการติดเชื้อ อาการที่เกิดขึ้นอาจมีความรุนแรงมาก
เริม ติดต่อระหว่างกันได้อย่างไร
ดังที่กล่าวเอาไว้ว่าเริมจริงๆ ไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เสียทีเดียว เพียงแค่คนมีเชื้อเริมในร่างกายเกิดบาดแผลบริเวณตุ่มที่ขึ้นแล้วผู้อื่นไปสัมผัสกับน้ำที่แผลก็สามารถติดได้แล้ว เริม ติดต่อได้ง่ายผ่านการสัมผัสกับรอยโรคที่ผิวหนัง โดยผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ ปาก และตา เป็นบริเวณที่สามารถติดเชื้อได้ง่าย ส่วนบริเวณอื่นๆ ของร่างกายก็อาจติดเชื้อได้ ถ้ามีช่องทางให้เชื้อเข้าไปได้ เช่น รอยบาดแผลที่ผิวหนัง ผื่นที่ผิวหนัง เป็นต้น หรือถ้ามีแผลบริเวณปากแล้วดันไปใช้แก้วน้ำ, ช้อน, ส้อม, ผ้าขนหนู ร่วมกับผู้อื่นเชื้อ ที่อยู่กับน้ำลายก็มีสิทธิ์แพร่กระจายสู่ผู้อื่นเช่นกัน ส่วนเรื่องมีเพศสัมพันธ์ไม่ต้องพูดถึง เมื่อคนหนึ่งมีเชื้อ แต่ไม่ได้ป้องกันด้วยถุงยางอนามัยเลยยังไงก็ติดแน่นอน
อีกการติดต่อที่ถือว่าอันตรายพอสมควรคือกรณีที่ แม่ติดเชื้อเริม บริเวณอวัยวะเพศแล้วไปคลอดลูก โอกาสที่เด็กจะติดเชื้อมีสูงจนลุกลามไปถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากหมอพบว่าแม่มีเชื้อเริมบริเวณช่องคลอดมักใช้การผ่าตัดมากกว่า
การป้องกันตนเองจากโรคเริม
ด้วยความที่โรคนี้ติดต่อได้ง่ายมาก การป้องกันพื้นฐานที่ง่ายที่สุดกรณีกังวลใจว่าไปมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นแล้วจะติดมา ก็ใช้ถุงยางอนามัย (แต่ทางที่ดีไม่แนะนำให้มีเพศสัมพันธ์ประเภทเปลี่ยนคู่นอนบ่อยเพราะอย่างที่รู้ว่าเริมก็ยังคงติดเชื้อผ่านน้ำลายหรือน้ำใสจากตุ่มแผลได้อยู่ดี) กรณีที่ไม่มั่นใจว่าคนอื่นมีเชื้อนี้หรือไม่ อย่าใช้อุปกรณ์ต่างๆ รวมกัน เช่น ช้อน, ส้อม, แก้วน้ำ, ผ้าขนหนู
แต่ถ้าหากคุณมีเชื้อของเริมอยู่ภายในร่างกายแล้วก็ไม่ต้องกังวลใจว่าจะเกิดขึ้นบ่อย ๆ หากมีวิธีป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากการกระตุ้นให้เกิดโรคนี้ ประกอบไปด้วย
พยายามไม่เครียด นอนหลับให้เพียงพอ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักกับผลไม้เป็นหลัก
อยู่ในอากาศถ่ายเท อุณหภูมิเหมาะสม ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป
ดูแลร่างกายตนเอง ไม่ให้ป่วยเป็นไข้หวัด เพราะถ้าเป็นเมื่อไหร่โอกาสที่เชื้อจะออกมาสร้างความเจ็บป่วยให้กับผู้ติดเชื้อก็มีสูงทันที
คำถามที่พบบ่อย สำหรับสุภาพสตรี เป็นเริมที่อวัยวะเพศจะมีผลต่อการตั้งครรภ์อย่างไร
การติดเชื้อก่อนการตั้งครรภ์ จะทำให้ทารกมีโอกาสติดเชื้อน้อยลงมาก การติดเชื้อในระหว่างการตั้งครรภ์ ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ผลต่อทารกน้อยและไม่ทำให้เกิดการแท้ง ในช่วง 3 เดือนกลาง จะเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงมากที่สุด อาจทำให้ทารกติดเชื้อและเสียชีวิตได้ การติดเชื้อในช่วงท้าย ๆ ก่อนการคลอด ผลไปถึงลูกจะไม่ยาวนานพอจนทำให้ทารกเสียชีวิต แต่จะเพิ่มการติดเชื้อเมื่อคลอดผ่านทางช่องคลอด จึงมักต้องคลอดโดยการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องค่ะ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– si.mahidol.ac.th
– เว็บพบแพทย์
– lovefoundation.or.th
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM