ยา Orlistat (ออริสแตท) – ข้อมูล ข้อบ่งใช้ ผลข้างเคียง

ออริสแตท (Orilstat) คือยาบำบัดรักษาโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน โดยมีกลไกยับยั้งการดูดซึมไขมันเข้าสู่ร่างกายจากทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นการลดแคลอรีหรือพลังงานเข้าสู่ร่างกายช่องทางหนึ่ง ยานี้มีชื่อการค้าว่า “เซนิคอล (Xenical)” ถูกผลิตโดยบริษัทโรช (Roche) ประเทศสหรัฐอเมริกา

ข้อบ่งใช้

  • บำบัดรักษาโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน เนื่องจากมีการสะสมไขมันของร่างกายมาก
  • ช่วยลดอุบัติการณ์ความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2
  • ช่วยเสริมในการลดความดันโลหิต

กลไกการออกฤทธิ์

กลไกการออกฤทธิ์ของยาออริสแตทคือ ตัวยาจะออกฤทธิ์ที่ระบบทางเดินอาหารของผู้บริโภค โดยจะยับยั้งการทำงานของเอนไซม์หรือน้ำย่อยไขมันในกระเพาะอาหารและตับอ่อน (Inhibiting gastric and pancreatic lipase) ทำให้ไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในอาหารไม่ถูกปลดปล่อยออกมา แต่จะถูกส่งผ่านไปกับกากอาหาร และขับออกมากับอุจจาระในที่สุด

รูปแบบของยา Orlistat

ยาแคปซูล ขนาด 120 มิลลิกรัม/แคปซูล

ปริมาณการใช้ยา Orlistat

ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้

โรคอ้วน

ผู้ใหญ่

  • ผู้ป่วยที่มีค่า BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 30 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวหนัง 1 ตารางเมตร หรือมีน้ำหนักมากกว่า 27 กิโลกรัม/พื้นที่ผิวหนัง 1 ตารางเมตรที่เสี่ยงเป็นโรคอ้วน ให้รับประทานยาปริมาณ 120 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง โดยรับประทานพร้อมอาหารมื้อหลัก
  • ผู้ป่วยที่มีค่า BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 28 กิโลกรัม/พื้นที่ผิวหนัง 1 ตารางเมตร ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงใด ๆ ให้รับประทานยา 60 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง และข้ามการรับประทานยามื้อนั้นหากไม่ได้รับประทานอาหารหรือรับประทานอาหารที่ไม่มีไขมัน

ทั้งนี้ หากผู้ป่วยไม่สามารถลดน้ำหนักลงได้อย่างน้อย 5 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการรักษา ให้ผู้ป่วยหยุดใช้ยา

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Orlistat

การใช้ยา Orlistat อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงชั่วคราว ได้แก่ อุจจาระปนไขมัน อุจจาระมีสีส้มหรือน้ำตาล มีจุดน้ำมันเปื้อนชุดชั้นใน มีแก๊ซหรือน้ำมันถูกขับออกมาจากร่างกาย ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ ท้องเสีย ลำไส้เคลื่อนไหวมากขึ้น คลื่นไส้ เจ็บทวารหนัก เลือดออกทางทวารหนัก ประจำเดือนมาผิดปกติ หลอดเลือดอักเสบ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย วิตกกังวล เป็นต้น

หากอาการข้างเคียงข้างต้นไม่หายไปหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ นอกจากนี้ ควรหยุดใช้ยาหรือไปพบแพทย์ทันที หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยา Orlistat ดังต่อไปนี้

  • อาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม คอบวม เป็นต้น
  • ปวดท้องรุนแรง
  • ปัสสาวะปนเลือด รู้สึกเจ็บขณะปัสสาวะ หรือปัสสาวะลำบาก
  • ไตทำงานผิดปกติ อาจทำให้เกิดอาการ เช่น ไม่ปัสสาวะ ปัสสาวะน้อย ข้อเท้าหรือเท้าบวม อ่อนเพลีย หายใจไม่อิ่ม เป็นต้น
  • ตับผิดปกติ อาจทำให้เกิดอาการ เช่น คลื่นไส้ ปวดท้องส่วนบน คัน รู้สึกเหนื่อย เบื่ออาหาร ปัสสาวะมีสีเข้ม อุจจาระมีสีโคลน และดีซ่าน เป็นต้น

หากผู้ป่วยพบอาการผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติม ก็ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยเช่นกัน

การเก็บรักษายา Orlistat

ยาออริสแตทมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น

  1. การใช้ยาออริสแตท ร่วมกับ ยากดภูมิคุ้มกัน เช่นยา Cyclosporine อาจทำให้ฤทธิ์ของยา Cyclosporine ด้อยประสิทธิภาพลง ก่อให้เกิดความเสี่ยงกับผู้ที่อยู่ระหว่างการปลูกถ่ายอวัยวะ อาจทำให้ร่างกายปฏิเสธอวัยวะใหม่นั้นๆ หากจำเป็นต้องใช้ร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดรับประทานของยา Cyclosporine ให้เหมาะสมกับคนไข้เป็นกรณีๆไป
  2. การใช้ยาออริสแตท ร่วมกับ ยาต้านเอชไอวี เช่นยา Adefovir, Abacavir จะเกิดการรบกวนการดูดซึมของยาต้านเอชไอวี และส่งผลต่อประสิทธิภาพของการบำบัดโรคเอชไอวีในผู้ป่วย หากไม่มีความจำเป็นใดๆ ควรเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
  3. การใช้ยาออริสแตท ร่วมกับ ยาเบาหวาน เช่นยา Glimepiride อาจก่อให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจนนำมาซึ่งอาการ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ/ ปวดหัว วิงเวียน คลื่นไส้ หิวบ่อย เพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว แพทย์จะปรับขนาดรับประทานในผู้ป่วยที่ได้รับยาทั้ง 2 ตัวร่วมกัน


แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– haamor.com
– เว็บพบแพทย์
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM

แชร์

ยังไม่มีบัญชี