
ยาเบต้าเมทาโซน (Betamethasone) ข้อมูล ข้อบ่งใช้ ผลข้างเคียง
เบต้าเมทาโซน (Betamethasone) เป็นยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroid) ทำงานโดยการแก้ไขการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อสภาวะหลายๆ ประการและลดการอักเสบ
เบต้าเมทาโซน (Betamethasone) เป็นยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroid) ทำงานโดยการแก้ไขการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อสภาวะหลายๆ ประการและลดการอักเสบ
Canesten O.D. cream ประกอบด้วยตัวยาสำคัญคือ Bifonazole เป็นยาต้านเชื้อราในกลุ่ม อิมิดาโซล (imidazole antifungals) สามารถฆ่าเชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคที่ผิวหนัง เป็นยาฆ่าเชื้อราชนิดออกฤทธิ์กว้าง
เป็นยาใช้ภายนอกเท่านั้น โดยใช้ทาบริเวณที่มีการติดเชื้อรา และบริเวณรอบๆ วันละ 1 ครั้ง โดยควรทาก่อนเข้านอน
หลังดีขึ้นแล้วควรทายาต่ออีก 2 สัปดาห์เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ถูกสังเคราะห์ขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1976 มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ป้องกันและรักษาการติดเชื้อราทางผิวหนัง มีการนำยานี้มาใช้รักษาเชื้อรากับผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต้านทานโรคบกพร่อง หรือผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งที่อยู่ในช่วงการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด รูปแบบของยาที่มีวางขายตามร้านขายยาและสถานพยาบาล เช่น แชมพูขจัดรังแค ยาครีมทาผิวหนัง ยาเม็ดสำหรับรับประทาน
ยานี้สามารถดูดซึมได้ดีในภาวะที่เป็นกรด จึงมีการแนะนำไม่ให้รับประทานยาพร้อมกับยาลดกรดด้วยทำให้การดูดซึมลดลง
ยาซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylurea) เป็นกลุ่มยาที่นำมาใช้รักษาโรคเบาหวานประเภท 2 (Diabetes mellitus type 2) ถูกค้นพบโดยคณะนักเคมีนำโดย Marcel Janbon ชาวฝรั่งเศส ผู้ซึ่งกำลังศึกษาฤทธิ์ของยาซัลโฟนาไมด์ (Sulfonamide) ที่ใช้ในการต่อต้านแบคทีเรีย และค้น พบว่าซัลโฟนิลยูเรียซึ่งมีโครงสร้างแกนกลางของโมเลกุลที่ใกล้เคียงกับยาซัลโฟนาไมด์ สามารถออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของสัตว์ทดลองได้ จึงได้พัฒนาให้มาเป็นยารักษาเบา หวาน/ยาเบาหวานในคน
ยาพาราเซตามอล หรืออะเซตามีโนเฟน (Acetaminophen) เป็นคือยาตัวเดียวกันและมีสูตรทางเคมีเหมือนกันคือ C8H9NO2 เพียงแค่เรียกชื่อต่างกันเฉยๆ ซึ่งทั้งสองชื่อเป็นชื่อสากลที่ได้มาตรฐานตามที่องค์กรอนามัยโลกกำหนด แต่ชื่อที่คนไทยคุ้นหูมากที่สุดคือ พาราเซตามอล นั่นเอง เป็นยาที่คนไทยรู้จักกันดี เพราะออกโฆษณาทางทีวีบ่อยมาก ชื่อเต็มคือ N-acetyl-para-acetylaminophenol เป็นยาแก้ปวดและลดไข้ที่ไม่มีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบ จัดเป็นยาสามัญประจำบ้านที่ค่อนข้างปลอดภัยหากไม่รับประทานเกินขนาด
อัลโลพูรินอล มีชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า Allopurinol ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1950 โดย Hitchings และคณะ เป็นยากลุ่มลดกรดยูริกในร่างกาย ใช้สำหรับรักษาโรคเกาต์ (Gout) ทั้งโรคเกาต์เรื้อรัง โรคนิ่วในไตจากการมีกรดยูริกสูง และในผู้ป่วยมะเร็งที่รักษาด้วยการใช้ยาเคมีบำบัด ฯลฯ ซึ่งยาอัลโลพูรินอลสามารถควบคุมระดับของกรดยูริกในเลือดให้เป็นปกติ แต่ไม่สามารถช่วยลดอาการปวดหรืออักเสบของผู้ป่วยโรคเกาต์ได้
ยังไม่มีบัญชี