อะเฟเซีย (Aphasia) หรือภาวะบกพร่องทางการสื่อความ เป็นความผิดปกติทางการสื่อสาร ซึ่งมักเป็นผลมาจากสมองได้รับความเสียหายจากภาวะเส้นเลือดในสมองแตกหรือการได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ทำให้ผู้ป่วยมีความผิดปกติในด้านทักษะของการสื่อสารและการใช้ภาษา ไม่สามารถโต้ตอบหรือทำความเข้าใจได้ และอาจมีปัญหาทางด้านการอ่านและการเขียนร่วมด้วย
ภาวะอะเฟเซียมี 4 รูปแบบคือ
- ภาวะเสียการสื่อความแบบรับรู้ผิดปกติ (Receptive aphasia หรือ Sensory aphasia หรือ Wernicke’s aphasia) ลักษณะสำคัญคือ ผู้ป่วยจะฟังคนอื่นๆไม่รู้เรื่องว่าพูดอะไรกัน เพราะสมองส่วนการรับรู้ และประมวลผลผิดปกติ แต่สมองส่วนการพูดแสดงออกมาปกติ ดังนั้น ผู้ป่วยจะพูดได้คล่อง ไม่ติดขัด พูดได้ต่อเนื่องเป็นเรื่องราว แต่ไม่ตรงกับที่คุยกับคนอื่น เช่น หมอถามว่า “คุณชื่ออะไร” ผู้ป่วยตอบว่า “ทานข้าวแล้ว” หมอบอกให้หลับตา ผู้ป่วยก็จะอยู่เฉย ๆ เพราะไม่ทราบว่าหมอพูดอะไร และจะพูดตามไม่ได้ เพราะไม่เข้าใจว่าให้พูดอะไร
- ภาวะเสียการสื่อความแบบแสดงออกผิดปกติ (Motor aphasia หรือ Broca aphasia)ลักษณะสำคัญคือ ผู้ป่วยจะพูดออกมาลำบาก หรือพูดไม่ได้เลย แต่จะฟังเข้าใจทั้งหมด สามารถแสดงออกโดยการเขียนหรือทำท่าทางได้ เพียงแต่พูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เท่านั้น ตัวอย่างเช่น หมอถามว่า “ชื่ออะไรครับ” ผู้ป่วยจะพูดตอบมาไม่ได้ แต่เขียนชื่อได้ หมอบอกให้ยกมือขึ้น ผู้ป่วยก็ยกมือขึ้นได้ทันที
- ภาวะเสียการสื่อความแบบรับรู้และแบบแสดงออกผิดปกติ (Global aphasia)ลักษณะสำคัญคือ ผู้ป่วยจะฟังไม่รู้เรื่องและพูดไม่ได้ ดังนั้น เวลาพูดคุยกันก็จะฟังไม่รู้เรื่อง และแสดงออกไม่ได้ เช่น หมอบอกให้หลับตา ผู้ป่วยก็อาจอยู่เฉยๆ หรือพยายามจะทำอะไรที่ไม่ถูก ต้อง เช่น ยกแขนขึ้น เพราะเดาว่าหมอพูดอะไร ผู้ป่วยจะมองตามเรา แต่สื่อสารกับเราไม่ได้ อาจแสดงออกรู้สึกกระวนกระวาย ไม่ค่อยมีสมาธิ เพราะสื่อสารกับใครก็ไม่ได้
- ภาวะเสียการสื่อความแบบเฉพาะชื่อผิดปกติ (Naming aphasia) ลักษณะสำคัญคือ การเรียกชื่อไม่ถูกต้อง เช่น หมอยกปากกาให้ดู ถามว่าเรียกว่าอะไร ผู้ป่วยจะเรียกไม่ถูกว่า ปาก กา เพราะนึกคำว่าปากกาไม่ออก แต่ทราบว่าปากกานั้นเอาไว้เขียน ผู้ป่วยจะพูดตามเราได้ปกติ ซึ่งภาวะเสียการสื่อความทั้ง 3 แบบข้างต้น ผู้ป่วยจะพูดตามเราไม่ได้
สาเหตุของภาวะอะเฟเซีย
ภาวะอะเฟเซียเกิดจากการที่สมองส่วนที่ควบคุมการใช้ภาษาได้รับความเสียหาย การลำเลียงเลือดเข้าสู่บริเวณนั้นผิดปกติ ส่งผลให้สมองตายได้ สามารถเกิดได้ 2 กรณี คือเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และเกิดขึ้นแบบชั่วคราว
ภาวะอะเฟเซียที่เกิดขึ้นแบบชั่วคราว เกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- ภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว
- อาการของโรคไมเกรน
- อาการชัก

ภาวะอะเฟเซียที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- ภาวะสมองขาดเลือด
- ภาวะเส้นเลือดในสมองแตก
นอกจากนี้การติดเชื้อในสมอง การเป็นโรคทางระบบประสาท ภาวะเสื่อมของสมองโรค เช่น สมองเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์ รวมทั้งการเกิดขึ้นของเนื้องอกในสมอง สามารถทำให้เกิดอาการของภาวะอะเฟเซีย ได้อย่างช้าๆ
อาการของภาวะอะเฟเซีย
- ฟังคำพูด ของผู้สนทนาไม่เข้าใจ
- นึกคำพูดได้อย่างลำบาก
- ตอบไม่ตรงคำถาม
- ไม่สามารถบอกสิ่งที่ต้องการได้ แม้กระทั่งภาษากาย
- ไม่สามารถจำชื่อของบุคคลใกล้ชิด หรือชื่อของสิ่งของ สถานที่ได้
- พูดเลียนแบบตามไม่ได้
- ไม่สามารถทำตามคำสั่งได้
- พูดไม่ชัด หรือพูดประโยคที่ผิดไวยากรณ์
- ขณะพูดมีความปกติบริเวณอวัยวะที่มีการเคลื่อนไหวในการสื่อสาร เช่น ปาก ลิ้น และขากรรไกร
การรักษาภาวะอะเฟเซีย
แพทย์จะรักษาภาวะ Aphasia ด้วยวิธีการบำบัดทางการพูดและภาษาเป็นหลัก เพื่อฟื้นฟูความสามารถด้านการใช้ภาษาและเสริมทักษะการสื่อสาร โดยผู้ป่วยจะได้รับการประเมินสุขภาพทั่วไป ระดับความผิดปกติของการใช้ภาษา และทักษะทางสังคมก่อนเข้ารับการบำบัดจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
การบำบัดดังกล่าวมีทั้งการบำบัดกับผู้เชี่ยวชาญ การทำกลุ่มบำบัด และการทำครอบครัวบำบัด โดยในขั้นตอนของการบำบัด แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจะฝึกหรือทบทวนการใช้คำ ใช้ประโยคที่ถูกต้อง การพูดทวน และการถามตอบที่เหมาะสมให้แก่ผู้ป่วย รวมทั้งมีการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้คำศัพท์และเสียงของคำต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถพัฒนาทักษะด้านการสื่อสาร เข้าร่วมบทสนทนา สื่อสารได้เมื่อถึงเวลาของตนเอง เข้าใจในข้อผิดพลาดทางการใช้คำและแก้ไขบทสนทนาที่ผิดพลาดนั้นได้
โดยทั่วไป อาการของผู้ป่วยจะค่อย ๆ ได้ผลดีขึ้นหลังทำการบำบัดติดต่อกัน แต่บางรายอาจใช้เวลานานกว่าปกติในการบำบัด โดยจากการศึกษาพบว่าการบำบัดจะได้ผลที่ดีที่สุดเมื่อเริ่มทันทีหลังจากที่ร่างกายและสมองเริ่มฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บจนอยู่ในอาการที่ปลอดภัย
นอกจากนี้ ยังมีการใช้ยาเพื่อรักษาภาวะ Aphasia แต่ยังคงอยู่ในระหว่างการศึกษาและทดสอบ ซึ่งยาดังกล่าวเป็นยาที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดภายในสมอง ช่วยในการฟื้นฟูการทำงานของสมอง หรือเป็นยาที่ช่วยทดแทนสารสื่อประสาทในสมองของผู้ป่วยที่ขาดหรือหมดไป
ภาวะแทรกซ้อนของภาวะอะเฟเซีย
ภาวะ Aphasia เป็นภาวะที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจากผู้ป่วยจะมีปัญหาด้านการสื่อสาร จึงอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ การทำงาน หรือการทำกิจกรรมในแต่ละวัน อีกทั้งอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอับอาย หดหู่ เนื่องจากไม่สามารถสื่อสารได้ตามปกติ
การป้องกันภาวะอะเฟเซีย
- การลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ Aphasia สามารถทำได้โดยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่สร้างความเสียหายต่อสมองและดูแลสุขภาพของสมองด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารที่มีโซเดียมและไขมันต่ำ
- งดการสูบบุหรี่
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เหมาะสมและเท่าที่จำเป็น
- ควบคุมระดับความดันโลหิตและไขมันในเลือด
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบการไหลเวียนโลหิต ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
- หากสงสัยว่ามีอาการของภาวะเส้นเลือดในสมองแตก ควรเข้าพบแพทย์โดยเร็วที่สุด รวมถึงหากมีภาวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรักษาอาการเช่นกัน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– โรงพยาบาลเพชรเวช
– โรงพยาบาลศรีนครินทร์
– web pobpad
เรียบเรียงข้อมูลโดย: CHULALAKPHARMACY.COM